พลิกโฉมระบบเกษตรและอาหารไทย “อิ่มและดี 2030” ตั้งรับวิกฤติสภาพอากาศสุดขั้ว

Published on

วิกฤติสภาพอากาศสุดขั้ว ‘Extreme Weather’ ส่งผลระบบเกษตรและอาหารหยุดชะงัก ก.เกษตรฯ-สสส.-FAO สานพลัง จัดเวที “พลิกโฉมระบบเกษตรและอาหารไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ย้ำ แนวคิด “อิ่ม..และ..ดี 2030” 5 ด้าน มุ่งสร้างการมีส่วนร่วมวางแผนตั้งแต่ต้นทาง ลดผลกระทบระบบเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาวะ เตรียมนำเสนอจุดแข็งและนวัตกรรมของไทยต่อเวทีโลก 27-29 ก.ค. นี้

สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และภาคีเครือข่าย จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “พลิกโฉมระบบเกษตรและอาหารไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืน (Thailand Pathway for Food and Agriculture Systems Transformation) : อิ่ม..และ..ดี..2030” เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำเสนอผลการดำเนินงานระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน พร้อมแนวทางปฏิบัติการเชิงพื้นที่ขับเคลื่อนระบบเกษตรและอาหารตลอดห่วงโซ่ เพื่อนำไปเป็นแนวทางกำหนดมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร สร้างความมั่นคงทางอาหารของประชาชน และเสริมศักยภาพของประเทศ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เข้าร่วมกว่า 30 หน่วยงาน

ถาวร ทันใจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การพลิกโฉมระบบเกษตรและอาหารของประเทศสู่ความยั่งยืน ถือเป็นความท้าทายและโอกาสที่สำคัญในช่วงเวลาที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติที่เกิดจากสภาพอากาศสุดขั้ว (Extreme Weather) ทั้งภัยแล้งรุนแรง ขาดแคลนน้ำ ไฟไหม้ น้ำท่วม วาตภัย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตพืชผลทางการเกษตร นำไปสู่การหยุดชะงักหรือทำให้มีผลผลิตในห่วงโซ่อุปทานอาหารน้อยลง ส่งผลให้ราคาอาหารปรับเพิ่มสูงขึ้น หากไม่เร่งแก้ไขอาจทำให้เด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ

การจัดงาน ครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พัฒนาองค์ความรู้เชิงระบบ และข้อเสนอเชิงนโยบายที่มีคุณค่า ต่อยอดผลลัพธ์จากงานวิจัย และกระบวนการวิจัยที่มีระบบและขั้นตอนที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อใช้ข้อมูลเป็นฐานจัดทำแผน “Thailand National Pathway” เชื่อมโยงแนวทางจาก UN Food Systems Summit (UNFSS) สู่การนำไปใช้ขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่ ในการนี้ ก.เกษตรฯ ในฐานะผู้ประสานงานระดับชาติ (National Convenor) จะนำเสนอและรายงานความก้าวหน้าในการประชุม UNFSS+4 ในวันที่27–29 ก.ค. 2568 ณ เมืองแอดดิสอาบาบา เอธิโอเปีย เพื่อทบทวนความก้าวหน้าในการดำเนินงานระดับชาติ และสื่อสารจุดแข็งและนวัตกรรมของไทยต่อเวทีโลก

เส้นทางสู่การพัฒนาต้นแบบระบบอาหารที่ยั่งยืนของไทย “อิ่มและดี 2030” 5 ด้าน

  1. “อิ่ม ดี ถ้วนหน้า” เข้าถึงอาหารปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ
  2. “อิ่ม ดี มีสุข” ปรับเปลี่ยนวิถีการบริโภคเพื่อความยั่งยืน
  3. “อิ่ม ดี รักษ์โลก” ส่งเสริมระบบการผลิตที่เพียงพอและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  4. “อิ่ม ดี ทั่วถึง” ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่เสมอภาค เท่าเทียม
  5. “อิ่ม ดี ทุกเมื่อ” สร้างระบบที่มีความยืดหยุ่นปรับตัวได้ในทุกวิกฤติ

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต้นแบบระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยสานพลังภาคีเครือข่ายร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายเพิ่มการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสมดุลให้กับประชาชน ภายใต้วัตถุประสงค์ 3 ข้อ 1. ส่งเสริมให้เกิดความรอบรู้และบูรณาการความร่วมมือหนุนเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะด้วยระบบอาหารที่ยั่งยืน ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ 2. ส่งเสริมระบบตลาดอาหารปลอดภัยในชุมชน สร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับครัวเรือน ชุมชน 3. ขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ สื่อสารรณรงค์สังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมด้านอาหารที่เอื้อต่อสุขภาพ

ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากความร่วมมือของ สสส. และภาคีเครือข่าย คือ การผลักดันกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศห้ามขึ้นทะเบียนพาราควอต คลอไพรีฟอส และจำกัดการใช้ไกรโฟเซต ร่วมกับ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2563 ซึ่งนอกจากจะทำให้สารเคมีตกค้างในพืชผลลดลงเกือบเป็นศูนย์ ยังส่งผลให้อัตราผู้เจ็บป่วยจากสารเคมีลดลง จาก 22.75 คนต่อแสนประชากร ในปี 2560 เหลือ 8.72 คนต่อแสนประชากรในปี 2566 หรือ 2.6 เท่า ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขจากโรคที่เกิดจากสารเคมีทางการเกษตรกว่า 9 พันล้านบาท

การพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมเทคนิคการผลิตในกลุ่มเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ หากเกษตรกรทั่วโลกมีความสามารถในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยได้เพิ่มขึ้น 9% ต่อปี หรือ 50–150% ภายในปี 2583 จะช่วยให้ประชากร 1 หมื่นล้านคนสามารถเข้าถึงและบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้อย่างยั่งยืน

“ความสำเร็จที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องสานพลังทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับชาติ ถึงระดับท้องถิ่น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านอาหารในระยะยาว ส่งต่อผลผลิตที่มีคุณภาพและความปลอดภัยจากเกษตรกรในชุมชนไปสู่การบริโภคของประชาชนเพื่อสุขภาวะที่ดี รวมถึงการสื่อสารสร้างความรอบรู้ด้านการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีพฤติกรรมใส่ใจสิ่งแวดล้อม บริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะอย่างสมดุล นำไปสู่การลดความเสี่ยงจากโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการบริโภคอาหารได้ในอนาคต” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this