มาสคอตน่ารัก ๆ ทำให้เด็ก ๆ เข้าถึงการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่เฉพาะเด็กน้อยเท่านั้น เพราะคนตัวโตหัวใจดุ๊กดิ๊กอย่างเรา ๆ ก็ชื่นชอบเจ้าคาแรคเตอร์ตัวน้อยนับสิบที่คอยต้อนรับอยู่ในศูนย์เรียนรู้ต่าง ๆ ของ กฟผ.ทั่วประเทศ
นอกจากภารกิจในการผลิตไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานให้กับคนไทยแล้ว กฟผ. ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ไปเที่ยวชมในศูนย์เรียนรู้ถึง 8 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงใหม่ นครราชสีมา กาญจนบุรี นนทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และ สงขลา ใกล้ที่ไหนก็ไปเที่ยวชมกันได้

วันนี้เราเดินทางมาพับกับ “ถ่านน้อย” และ “บัวตอง” มาสตคอตประจำ ศูนย์การเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา เหมืองแม่เมาะ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
ใครที่สงสัยว่า ที่เหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้า จะมีความน่าสนใจ ต้องให้น้อง “ถ่านน้อย” พาไปชม
1.เหมืองแม่เมาะ
“เหมืองแม่เมาะ” เป็นแหล่งถ่านหินลิกไนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เป็นผู้ดูแลเหมืองแม่เมาะมาตั้งแต่ปี 2512 ก่อนที่จะเริ่มสร้างโรงไฟฟ้าลิกไนต์เมื่อปี 2515 และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2528 ด้วยแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรของชุมชนอย่างจริงจัง
ด้วยทำเลของเนินเขาและแนวป่า มาแล้วจะได้พบกับความเขียวขจีที่รายล้อมในอาณาจักรที่กว้างใหญ่ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะหน้าหนาวซึ่งจะมีทุ่งบัวตองบานสะพรั่งทั้งเนินเขา ส่วนของตัวเหมืองนั้นจะให้เราส่องดูการทำงานไกล ๆ ไม่อนุญาตให้เข้าไปนะ
2.พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา
อยากรู้ที่มาที่ไปของเหมืองแม่เมาะ รวมทั้งเรื่องราวของไฟฟ้าที่มีประโยชน์เหลือล้นกับมวลมนุษย์ มาถึงเหมืองแม่เมาะแล้วต้องแวะไปที่ พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา ซึ่งอยู่บนเนินเขาภายในสวนพฤกษชาติของเหมืองแม่เมาะ
ภายในพิพิธภัณฑ์มีหลายโซนให้เดินชมเพลิน ๆ
โซนที่ 1 นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นำเสนอพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจที่สำคัญในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้านพลังงาน ผู้ทรงบุกเบิกกิจการพลังงานของไทย โซน 2 จักรวาล โลกและถ่านหิน บอกเล่าความเป็นมาของโลกเรา โซน 3 จากผืนน้ำและแผ่นดิน บอกเล่าถึงแหล่งถ่านหินลิกไนต์ และเรื่องราวทางธรณีวิทยาของสถานที่แห่งนี้ โซน 4 พลังงานขับเคลื่อนไทย นำเสนอศักยภาพของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งทรัพยากรถ่านหินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย โซน 5 มุ่งสู่อนาคต เล่าเรื่องการผลิตไฟฟ้าโดยเชื่อเพลิงหลากหลายชนิด โซน 6 จุดเปลี่ยนโลกและวิทยาศาสตร์พื้นฐาน แสดงถึงวิวัฒนาการและการค้นพบไฟฟ้าที่มีมานานนับพันปี
และ โซน 7 แม่เมาะ และชุมชนที่อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน แสดงเรื่องความของ กฟผ. กับกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาชุมชนโดยรอบ เป็นที่มาของสถานที่สวย ๆ ที่เปิดให้เราได้มาเที่ยวชมในครั้งนี้
บอกได้เลยว่าแต่ละโซน มีการออกแบบนิทรรศการและการเล่าเรื่องได้อย่างเพลิดเพลิน เด็ก ๆ ที่เข้ามาจะได้รับความสนุกสนานและเปิดใจให้กับเรื่องราวของวิทยาศาสตร์เบื้องต้น พร้อมรับรู้ว่า ไฟฟ้านั้นมีค่ากับชีวิตของเรามากแค่ไหน
ใครมาแล้วอย่าลืมออกไปด้านหลังอาคารพิพิธภัณฑ์ มีสะพานชมวิวระยะทางสั้น ๆ ยื่นออกออกไป เป็นอีกจุดชมวิว หรือชมการทำงานของเหมืองได้ด้วยนะ
3.ศาลาชมวิวสวนพฤกษชาติ
“ศาลาชมวิวสวนพฤกษชาติ” อยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ ตรงจุดนี้จะได้เห็นการทำงานของรถขุดเจาะในเหมืองได้ชัดขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระยะไกล ๆ จุดนี้มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ทุกคนได้ลองเล่น กับ “ลานสไลเดอร์แม่เมาะ” นั่งบนแผ่นกระดาน จับไว้ให้มั่น แล้วปล่อยให้ลื่นไถลสไลด์ไปตามเนินเขาเตี้ย ๆ ที่ลาดชัน ระยะทางสั้น ๆ ไม่น่ากลัวเลยนะ
อีกมุมที่เป็นสัญลักษณ์ของเหมืองแม่เมาะ ทุกคนมาแล้วจะต้องแวะไปถ่ายรูปคือ รถคุณปู่ที่ปลดประจำการไปแล้ว เป็นรถบรรทุกเทท้ายเบอร์ 93 และรถขุดไฟฟ้าสุโขทัย เบอร์ 52
ที่เหมืองแม่เมาะ รายล้อมด้วยธรรมชาติอันแสนสดชื่น ด้วยที่ตั้งบนเนินเขายังมีอากาศที่ดีแบบเมืองเหนือ ที่นี่มีร้านอาหาร บ้านพัก และที่นี่ยังมีสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุมอีกด้วยนะ
4.สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา
“สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา” เป็นสวนที่ กฟผ.ได้จัดสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9
จุดนี้เป็นเนินเขาที่มีลานกว้างด้านบน เป็นจุดที่ขึ้นหอคอยไปชมวิวได้แบบ 36 องศา หรือจะไปเดินเล่นชมความอลังการของขุนเขาและผืนป่าที่ “สกายวอล์ก”
จุดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากในช่วงหน้าหนาว ซึ่งทุ่งบัวตองจะชูสีสันเหลืองอร่ามไปทั่ว ทาง กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการจัดการประจำปีประมาณเดือนพฤศจิกายน
5.สัมผัสรสชาติเมืองเหนือที่พรรคกระยาจก
เที่ยวมาครึ่งวันแล้ว ได้เวลาออกหาของอร่อย ๆ กิน และอาหารถิ่นที่น่าสนใจ อยู่ไม่ไกลจาก กฟผ.แม่เมาะ คือ “ร้านพรรคกระยาจก” ร้านอาหารพื้นบ้านขวัญใจชาว EGAT นั่นเอง
ร้านนี้มีอาหารเหนือให้บริการ บางวันก็จะมีเมนูพิเศษหรือหาได้ตามฤดูกาลอย่าง “รังผึ้งย่าง” ส่วนที่มาแล้วจะต้องไม่พลาดก็คือ “ลาบคั่ว” ซึ่งเป็นลาบทางเหนือ ทางร้านเขาทำพริกลาบเอง หอม เข้มข้น แต่ไม่เผ็ดจนเกินไป นอกจากนั้นก็มี “จอผักกาด” เป็นอีกเมนูพื้นถิ่นที่กินเพลิน
ใครที่อยากลองรสชาติแห่งท้องถิ่นแบบลึก ๆ แนะนำ “แอ๊บอ่องออ” หน้าตาเหมือนห่อหมกย่างเครื่องสมุนไพร แต่เป็นเมนูที่หากินในต่างถิ่นได้ยาก เพราะอาจจะเป็นเมนูที่กินยากสำหรับใครที่ไม่คุ้นเคย เพราะวัตถุดิบหลักคือสมองหมูหรือสมองวัวนั่นเอง
6.วัดรัตนคูหา (ถ้ำผากล้วย)
พาไปชมวิวโรงไฟฟ้าเมาะที่รายล้อมด้วยแนวป่า ที่ “วัดรัตนคูหา” วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา เดิมเป็นสำนักสงฆ์ชื่อ “สำนักสงฆ์ถ้ำผากล้วย”
พระอุโบสถภายในวัด มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ มีบันไดนาคห้าเศียรและเจ็ดเศียร ภายในประดิษฐานพระไภษัทชยคุรุเขลางค์ (พระกริ่งเขลางค์) เป็นพระประธาน มีหน้าตักกว้างประมาณ 50 นิ้ว หล่อจากทองแดงบริสุทธิ์
บริเวณตีนดอยจะมีบันไดนาค 109 ขั้น ถ้าเดินขึ้นไปจะชมวิวได้สวยงามมาก แต่ปัจจุบันสามารถขับรถขึ้นไปได้
7.วัดพระธาตุลำปางหลวง
อีกจุดที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวลำปาง จุดนี้ออกจาก อ.แม่เมาะ ไปที่ อ.เกาะคา เป้าหมายคือ “วัดพระธาตุลำปางหลวง” วัดเก่าแก่ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 20 สถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่งดงามมาก ภายในมีเจดีย์กลมทรงระฆังคว่ำ มีการปิดทองจังโกคล้ายแบบพุกาม เนื่องจากเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลู จึงถือเป็นพระธาตุประจำปีฉลู
วัดแห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระแก้วดอนเต้า” (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองขาวลำปาง เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนา สักด้วยหยกสีเขียว นอกจากนั้นยังมี “กู่พระเจ้าล้านทอง” ด้านหน้าวิหารหลวง “ซุ้มประตูโขง” ซึ่งมีศิลปะปูนปั้นอันงดงาม
เที่ยวลำปางช่วงไหนก็ชื่นใจ ด้วยความเรียบง่าย สไตล์ “สโลว์ไลฟ์” ไม่เร่งรีบ นอกจาก 7 จุดนี้แล้วยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายกระจายตัวอยู่ทั่วจังหวัด อยากให้ลองมาสัมผัส แล้วอย่าลืมมาทักทาย “น้องถ่านน้อย” ที่เหมืองแม่เมาะกันด้วยล่ะ
ชวนเที่ยวกันต่อที่ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. แม่ออน จ.เชียงใหม่ >> https://www.balancemag.net/82413