แคมเปญ “รวมเป็นหนึ่งเพื่อสร้างสิ่งใหม่” เพื่อเข้าใจ และอยู่ได้กับโรคสะเก็ดเงิน

Published on

โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นหนึ่งในโรคที่ต้องดูแลและติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ การขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องอาจส่งผลต่อการดูแลรักษาจนทำให้อาการกำเริบหรือแย่ลงได้

สถาบัน International Federation of Psoriasis Associations (IFPA)จัดแคมเปญ “รวมเป็นหนึ่งเพื่อสร้างสิ่งใหม่” (United)” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคให้แก่ผู้ป่วย รวมทั้งผสานความร่วมมือระหว่างแพทย์และผู้ป่วยเพื่อการรักษาและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคผิวหนังที่มีอาการอักเสบเรื้อรัง เกิดจากการทำงานผิดปกติของเม็ดเลือดขาว ทำให้เกิดการอักเสบเป็นผื่นแดง นูน และมีสะเก็ดสีขาว พบได้ทั่วร่างกาย เกิดได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้อย่างแน่ชัด และการรักษาทำได้ในรูปแบบการควบคุมอาการไม่ให้กำเริบ ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

นอกจากนี้ โรคสะเก็ดเงินยังส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย (Systemic Disease) ที่ก่อให้เกิดโรคร่วมอื่นได้ เช่น โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางด้านจิตใจ ที่ล้วนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วย ในขณะที่คนทั่วไปที่ไม่รู้จักโรคนี้อย่างแท้จริงอาจมีความเข้าใจผิดและสร้างข้อจำกัดให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตร่วมในสังคมได้ยากขึ้น ดังนั้น แคมเปญ “รวมเป็นหนึ่งเพื่อสร้างสิ่งใหม่” (United) จึงถือเป็นสื่อกลางที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและกระตุ้นความร่วมมือระหว่างแพทย์และผู้ป่วยเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประวิตร อัศวานนท์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเลขาธิการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การรักษาผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินจะพิจารณาอาการของผู้ป่วยแต่ละรายที่นอกจากอาการทางร่างกายแล้วจำเป็นต้องประเมินอาการทางด้านจิตใจควบคู่กันด้วย โดยแคมเปญนี้ เน้นความสำคัญด้านความร่วมมือในการรักษา แพทย์จะต้องเปิดโอกาสและสร้างความไว้ใจให้ผู้ป่วยได้บอกเล่าสิ่งที่ตนเองต้องเผชิญจากการเป็นโรคนี้ นอกเหนือจากอาการทางกายที่แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยได้เอง ดังนั้น ความร่วมมือร่วมใจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถรักษาได้อย่างตรงจุดและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย”

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประวิตร อัศวานนท์

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กับโรคสะเก็ดเงินนั้นยังดูแลรักษาผู้ป่วยได้ตามปกติ ยกเว้นบางรายที่จำเป็นต้องใช้ยากดภูมิบางตัว ที่ต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ที่ดูแลอยู่ ทั้งในเรื่องของการเตรียมตัวเข้ารับวัคซีนป้องกัน โควิด-19 หรือความจำเป็นในการหยุดยากดภูมิ เป็นต้น ทั้งนี้ ถือเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่ควรจะต้องมีการติดตามความรู้ อัพเดทข้อมูลและติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งเรื่องยา วัคซีน และโรคอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ด้วยข้อจำกัดในการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในช่วงการระบาดของโรค เทคโนโลยีอย่างการรักษาแบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ยังมาช่วยเสริมศักยภาพในการดูแลรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ปัจจุบัน แพทย์ให้ความสำคัญกับ Telemedicine เป็นอย่างมากและเชื่อว่าในอนาคตจะยิ่งทวีความสำคัญขึ้น อย่างในช่วงการแพร่ระบาดเอง คนไข้หรือผู้ดูแลสามารถปรึกษาอาการกับทีมแพทย์ได้ทันทีที่บ้าน ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง แต่สิ่งสำคัญในการใช้ Telemedicine คือ เรื่องการให้ข้อมูลจากแพทย์สู่คนไข้ที่จะต้องกระชับ ชัดเจน และเข้าใจง่าย และเมื่อสถานการณ์ระบาดสงบลง แพทย์ก็จะได้ดูแลอาการคนไข้ได้ตามปกติ” นายแพทย์ประวิตร กล่าวเสริม

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ทางด้านแพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า “โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อย ความชุกทั่วโลกอยู่ที่ร้อยละ 0.5-5 ของประชากร ในประเทศไทยอยู่ที่ร้อยละ 2 ของประชากร หรือประมาณ 140,000 รายทั่วประเทศ โดยมากพบในกลุ่มคนที่อายุน้อยกว่า 40 ปีที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าและพบว่ามีประวัติของโรคในครอบครัวสูงกว่าในกลุ่มคนช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ

โดยโรคสะเก็ดเงินถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่อยู่ภายใต้การดูแลจากภาครัฐอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นยารักษาอาการ การรักษาด้วยการฉายแสง โดยอยู่ในสิทธิประโยชน์การรักษาของประชาชนทุกสวัสดิการ ได้แก่ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ นอกจากนี้ ในยุคที่มีการพัฒนาค้นพบการรักษาใหม่ ๆ ของโรคสะเก็ดเงิน เช่น ยาทาชนิดใหม่ หรือยาชีววัตถุ (Biologic drugs) ก็ได้มีการวิจัยเพื่อวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายตลอดจนความคุ้มทุนของการรักษาใหม่ ๆ นั้นเพื่อบรรจุเข้าเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ และเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษานั้นได้อย่างรวดเร็ว รวมถึง Telemedicine ซึ่งภาครัฐก็ได้อนุญาตให้มีการเบิกจ่ายเพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง

“ในอนาคตจะมีการพัฒนาแผนให้บริการผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินในแผนการให้บริการหลัก (Service Plan) ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างทั่วถึง และสามารถบริหารจัดการทรัพยากรทั้งด้านบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึงทั่วประเทศ พร้อมทั้งการบูรณาการการรักษาโรคสะเก็ดเงินและโรคร่วมต่าง ๆ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและนอกประเทศ” แพทย์หญิงมิ่งขวัญ กล่าวสรุป

 

Latest articles

“เชลล์แชมเปียนส์ลีก ชิงแชมป์สามช่างยนต์ระดับประเทศ ปีที่ 2”

“เชลล์แชมเปียนส์ลีก ชิงแชมป์สามช่างยนต์ระดับประเทศ ปีที่ 2” ดันช่างยนต์ไทยสู่เวทีโลก ผนึกกำลังกรมพัฒนาฝีมือแรงงานยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานไทย

มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.จัดกิจกรรม “Ultimate Marketing Plan Contest 2025”

มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ร่วมกับ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จัดกิจกรรม “Ultimate Marketing Plan Contest 2025” สร้างนักการตลาดรุ่นใหม่ ต่อเนื่องเป็นปีที่...

ยัวซ่าแบตเตอรี่ ฉลอง 2,600 วันแห่งความปลอดภัย ปักหมุดองค์กรต้นแบบ Zero Accident

บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย (Safety First) จนประสบความสำเร็จในโครงการ Zero Accident 2,600 วัน แห่งวัฒนธรรม “ปลอดภัยอย่างยั่งยืน”

PTG ผนึก รพ.ศิริราช จัดโครงการ “บริจาคโลหิต ให้เลือด ให้ชีวิต เพื่อคนไทย อยู่ดีมีสุข”

PTG ผนึก รพ.ศิริราช จัดโครงการ “บริจาคโลหิต ให้เลือด ให้ชีวิต เพื่อคนไทย อยู่ดีมีสุข #1” สร้างปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในไทย ผ่าน 'PTG Social Innovation' ใช้สถานีบริการน้ำมันเป็นศูนย์รับบริจาคโลหิต แก้ปัญหาเลือดขาดแคลนอย่างยั่งยืน

More like this