การ์ทเนอร์คาดการณ์อีก 5 ปีข้างหน้า Guardian Agents ครอบคลุม 10-15% ของตลาด Agentic AI  

Published on

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในอีก 5 ปี นับจากนี้ (พ.ศ. 2573)  เทคโนโลยีความปลอดภัย “Guardian Agent” จะมีสัดส่วนในตลาด Agentic AI อย่างน้อย 10-15%

Guardian Agents คือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ AI เป็นพื้นฐานการทำงาน ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนและทำงานร่วมกับ AI เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย โดยทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ช่วย AI ที่คอยสนับสนุนผู้ใช้ในงานต่าง ๆ อาทิ การตรวจสอบเนื้อหา การติดตามและการวิเคราะห์ โดยเป็นตัวแทนหรือ Agents ที่สามารถทำงานได้แบบกึ่งอัตโนมัติหรือแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ มีความสามารถในการจัดทำและดำเนินแผนการปฏิบัติงาน รวมถึงปรับเปลี่ยนเส้นทางหรือป้องกันการกระทำที่เป็นอันตราย สอดรับตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

เมื่อการใช้งาน Agentic AI เติบโตต่อเนื่อง จำเป็นต้องมีระบบความปลอดภัยหรือ Guardrails

จากผลสำรวจของการ์ทเนอร์ในเว็บบินาร์ เมื่อ 19 พฤษภาคม 2568 ผ่านมุมมองของผู้บริหาร CIO และหัวหน้าฝ่าย IT จำนวน 147 ราย พบว่า 24% ของผู้ตอบแบบสอบถามได้นำ AI Agents มาปรับใช้เพียงไม่กี่ตัว (น้อยกว่า 12 ตัว) ขณะที่มีเพียง 4% ที่นำ AI Agents มาใช้มากกว่า 12 ตัว

ผลจากแบบสำรวจเดียวกันนี้ยังพบว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขากำลังหาข้อมูลและทดลองใช้เทคโนโลยีชนิดนี้ ในขณะที่อีก 17% บอกว่ายังไม่ได้เริ่มทำ แต่อยู่ในขั้นวางแผนนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้ในช่วงสิ้นปี 2569 เป็นอย่างช้า การควบคุมความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยง และความปลอดภัยแบบอัตโนมัติจำเป็นต้องทำให้ตัวแทนเหล่านี้มีความสอดคล้องและปลอดภัย ซึ่งเป็นการเร่งการเติบโตและความต้องการของ Guardian Agents ยิ่งขึ้น

Avivah Litan รองประธาน นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “หากไม่ได้ควบคุมและป้องกันด้วยระบบความปลอดภัยหรือ Guardrails อย่างเหมาะสมแล้ว Agentic AI จะพาองค์กรไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์โดย Guardian Agents จะอาศัยความสามารถที่หลากหลายของ Agentic AI และเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาประเมินแบบกำหนดที่ใช้ AI เป็นพื้นฐาน เพื่อใช้ดูแลและจัดการความสามารถทั้งหมดของ Agent โดยสร้างสมดุลระหว่างการตัดสินใจขณะทำงานร่วมกับการจัดการความเสี่ยง”

ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามพลัง Agent ที่เพิ่มขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น

52% จากผู้ตอบแบบสอบถามอีกส่วนหนึ่งจำนวน 125 รายจากเว็บบินาร์เดียวกัน ยังระบุว่าระบบ AI Agents ของพวกเขามีหรือมุ่งเน้นไปที่ยูสเคสการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการบริหารภายในองค์กรเป็นหลัก อาทิ ด้าน IT, ฝ่ายบุคคลและบัญชี ขณะที่ 23% บอกว่าเน้นไปที่ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานของลูกค้าภายนอก

ในขณะที่ยูสเคส AI Agents มีการเติบโตต่อเนื่อง ก็ยังเกิดภัยคุกคามหลายประเภทที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตัว AI ตั้งแต่การจัดการข้อมูลขาเข้าและข้อมูลที่เป็นภัย ตามที่ระบบพึ่งพาชุดข้อมูลหลอกลวงหรือถูกตีความผิด ๆ ตัวอย่างเช่น:

การแฮ็กและการละเมิดข้อมูลประจำตัว ซึ่งนำไปสู่การควบคุมที่ไม่ได้รับอนุญาตและการขโมยข้อมูล

AI Agents ที่โต้ตอบกับเว็บไซต์และแหล่งข้อมูลปลอมหรือผิดกฎหมาย อาจส่งผลให้เกิดการดำเนินการที่เป็นอันตราย

การเบี่ยงเบนของ AI Agents และพฤติกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจอันเนื่องมาจากข้อบกพร่องภายในหรือปัจจัยกระตุ้นภายนอก อาจทำให้ชื่อเสียงองค์กรเสียหายและการดำเนินงานหยุดชะงัก

“การเร่งตัวและการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของตัวแทนด้าน AI ทำให้จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ให้มนุษย์เป็นผู้ดูแล ซึ่งเมื่อองค์กรเดินหน้าไปสู่ระบบ Multi-Agent ที่ซับซ้อน มีการสื่อสารกันด้วยความเร็วสูง มนุษย์ไม่สามารถไล่ตามข้อผิดพลาดและกิจกรรมที่เป็นอันตรายได้ทัน บวกกับภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่ขยายเพิ่มขึ้นนี้ องค์กรมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนสำหรับการนำระบบ Guardian Agents ที่สามารถช่วยดูแล ควบคุม และเพิ่มความปลอดภัยอัตโนมัติในแอปพลิเคชัน AI และ Agent อื่น ๆ” Litan กล่าวเพิ่มเติม

ผู้บริหาร CIO และผู้นำด้านความปลอดภัย รวมถึงผู้นำด้าน AI ควรเน้นใช้งาน Guardian Agents ในบทบาท 3 ประเภทหลัก เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยและปกป้องการโต้ตอบร่วมกับ AI:

Reviewers: ระบุและตรวจสอบผลลัพธ์และเนื้อหาที่ AI สร้างขึ้นเพื่อความถูกต้องและการใช้งานที่ยอมรับได้

Monitors: สังเกตและติดตามการกระทำของ AI รวมถึงการดำเนินงานอัตโนมัติ (Agentic) สำหรับให้มนุษย์หรือการติดตาม AI

Protectors: ปรับหรือป้องกันการกระทำและสิทธิ์ของ AI และ Agent โดยใช้การกระทำอัตโนมัติระหว่างการดำเนินงาน

Guardian agents จะช่วยจัดการการโต้ตอบและค้นหาความผิดปกติไม่ว่าจะเป็นการใช้งานประเภทใดก็ตาม เป็นกุญแจดอกสำคัญของการรวมประสิทธิภาพความปลอดภัยทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ดังที่การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า 70% ของแอป AI จะใช้ระบบ Multi-Agent ในปี 2571

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this