“Ember Cafe & Wine” สถาปัตยกรรมที่มีแรงบันดาลใจจากแกรนด์แคนยอน

Published on

ความโค้งเว้าของสถาปัตยกรรมที่สะท้อนภาพปล่องภูเขาไฟ และลวดลายบริเวณผนังอาคารที่มีลักษณะเป็นริ้ว                   ที่พริ้วไหว ดีเทลเหล่านี้ถูกรังสรรค์เป็นร้านอาหารและคาเฟ่สุดล้ำ ภายใต้ชื่อ “Ember Cafe & Wine” ซึ่งตั้งอยู่ที่พระราม 9 ซอย 43 กรุงเทพฯ

นับเป็นงานสถาปัตยกรรมล่าสุด ที่ออกแบบและก่อสร้างคาเฟ่ 1 ชั้น ด้วยนวัตกรรมการก่อสร้างจาก “SCG 3D Printing” เทคโนโลยีการพิมพ์ขึ้นรูปด้วยปูนมอร์ตาร์ ที่สามารถก่อสร้างอาคารรูปทรงฟรีฟอร์ม โดดเด่นด้วยเส้นสายที่มีความโค้งเว้าได้อย่างอิสระ โดยหุ้นส่วนร้าน “Calvin Fong” ได้แรงบันดาลใจมาจากแกรนด์แคนยอน ประเทศสหรัฐอเมริกา จากโจทย์ที่ท้าทาย กลายมาเป็นผลงานการออกแบบที่ให้ความรู้สึกเสมือนจริงและกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง 

หากพูดถึง แกรนด์แคนยอน นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ธรรมชาติสร้างขึ้น และเชื่อว่าต้องอยู่ใน Bucket list ของใครหลายๆ คน วันนี้ได้ยกมาจำลองไว้ให้ทุกคนได้สัมผัสความสวยงามที่พระราม 9 ซอย 43 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการจะทำให้ภาพของคาเฟ่แกรนด์แคนยอนชัดเจนขึ้นได้นั้น สิ่งสำคัญคือการก่อสร้างสถาปัตยกรรมให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด Calvin Fong จึงเลือกใช้นวัตกรรมการก่อสร้างจาก SCG 3D Printing ที่สามารถตอบโจทย์การออกแบบได้ครบ

การดีไซน์ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนและศิลปะในการก่อสร้าง เกิดเป็นรูปทรงอาคารโค้งเว้าคล้ายกับปล่องภูเขาไฟ ลวดลายผนังอาคาร และการเลือกใช้โทนสีอิฐดินเผาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

นอกจากจะตอบโจทย์เรื่องดีไซน์และได้รูปทรงตามที่ต้องการแล้ว ยังช่วยในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างถึง 30%  ทำให้ประหยัดเวลา เพราะการผลิตองค์ประกอบหลักของชิ้นงานนั้นจะทำการขึ้นรูปปูนมอร์ตาร์จากโรงงาน (Off-site Construction) และนำไปประกอบ ติดตั้งที่หน้างาน ลดความเสี่ยงจากการทำงานล่าช้า ลดเศษวัสดุเหลือทิ้งจากไซต์ก่อสร้างได้กว่า 70%

รวมถึงลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ถึง 1,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงคุณภาพความสวยงามได้อย่างลงตัว

Calvin Fong ผู้ที่เป็นทั้งหุ้นส่วนร้านและเชฟ มองว่า การก่อสร้างด้วยนวัตกรรม SCG 3D Printing  เป็นสิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นและสามารถสร้างได้ใกล้เคียงกับความจริงที่สุด เพราะการก่อสร้างรูปแบบเดิมๆ ที่เป็นเหลี่ยมมุม ไม่สามารถทำความโค้งในแบบที่ต้องการได้ เช่น ช่องแสงธรรมชาติที่อยู่ด้านบนเพดานมีลักษณะเป็นริ้วเส้นความโค้งที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ลดความแข็งกระด้างลง หรือการไล่เฉดสีบริเวณผนังอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการติดตั้งประตูกระจกและหน้าต่าง เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติให้มากที่สุด ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง ดังนั้นการนำนวัตกรรม SCG 3D Printing เข้ามาใช้ในการก่อสร้างสามารถเนรมิตภาพที่วาดฝันไว้ให้เป็นจริง

Ember Cafe & Wine มีพื้นที่ 73 ตารางวา และพื้นที่ใช้สอย 200 ตารางเมตร (รวมทางเดินหลังอาคารและลานจอดรถ) เมื่อเดินเข้ามาในร้านจะเห็นการออกแบบที่สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่องหน้าต่าง ที่ถูกดีไซน์เพื่อช่วยให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาในร้านได้อย่างพอดี โดยไม่เพียงแต่ช่วยให้ภายในร้านดูโปร่งสบาย แต่ยังเสริมให้เกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมภายนอก ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับมุมมองที่หลากหลายผ่านแสงและเงาที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน

Calvin Fong เล่าถึงแรงบันดาลใจของการทำร้านนี้ว่า “ด้วยความหลงใหลในไวน์และอาหารจึงเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เราออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อหาประสบการณ์พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรม อาหาร ไปจนถึงการเจอแหล่งวัตถุดิบชั้นดีที่หายาก โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบครัวไฟอยู่แล้วเพราะเป็นเสน่ห์ดั้งเดิมที่ได้เห็นกันมา เมื่อก่อนไม่จำเป็นต้องมีปลั๊กไฟ เราใช้เพียงถ่านหรือฟืนในการประกอบอาหาร ดังนั้นแต่ละเมนูของร้านที่เสิร์ฟจึงเป็นงานศิลป์ที่ใช้ไฟในการควบคุมความอร่อยอย่างพิถีพิถันในสไตล์เวสเทิร์น”

ไวน์จากแหล่งผลิตใกล้ภูเขาไฟ

นอกจากนี้ทางร้านยังให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาไวน์ เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติให้สมบูรณ์แบบที่สุด โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 15 – 18 องศาเซลเซียส ซึ่งการปกป้องไวน์จากแสงแดดและความร้อนจึงต้องออกแบบห้องเก็บไวน์อย่างพิถีพิถัน คำนึงถึงทิศทางของแสงเพื่อลดการสัมผัสโดยตรงที่อาจทำให้ไวน์เสื่อมคุณภาพ  ด้วยการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมจาก SCG 3D Printing ช่วยให้สามารถควบคุมอุณหภูมิให้ต่ำกว่าภายนอกได้ 3-5 องศาเซลเซียส นับเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่การใช้งานและความล้ำสมัย เพื่อให้ไวน์ทุกขวดถูกเก็บรักษาอย่างดีพร้อมเสิร์ฟทุกโอกาสพิเศษ

สำหรับ EMBER หมายถึง เถ้าถ่านที่ยังคุกรุ่น และ Volcano คือคอนเซปต์ของร้าน ทั้งชื่อร้านและคอนเซปต์ล้วนได้ไอเดียมาจากการหยิบไวน์มาเป็นจุดนำของเรื่อง ซึ่งมาจาก Signature ของไวน์ที่ร้าน ที่ส่วนใหญ่มาจากแหล่งผลิตใกล้ภูเขาไฟ และเทคนิคการปรุงอาหารด้วยการใช้ไฟเผา นอกจากนี้ตัว M ในโลโก้ ยังถูกออกแบบให้เป็นเหมือนรูปภูเขาไฟ เพื่อคงคอนเซปต์และสื่อถึงความโดดเด่นของร้านได้อย่างมีเอกลักษณ์ ทั้งนี้ Ember Cafe & Wineไม่เพียงแต่เป็นแค่ร้านคาเฟ่และไวน์เท่านั้น แต่ยังเปิดเป็น Class Studio และเป็น Community ของผู้คนที่ชื่นชอบและหลงใหลในเรื่องเดียวกัน ให้มาสัมผัสโลกใหม่  ทั้งในด้านรสสัมผัสไวน์ชั้นเลิศและงานดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร

ร่วมสัมผัสงานก่อสร้างที่ผสานกับงานสถาปัตยกรรมแห่งอนาคตครั้งแรกของไทยด้วยนวัตกรรม SCG 3D Printing พร้อมเพลิดเพลินกับประสบการณ์การรับประทานอาหาร ดื่มด่ำกาแฟ และลิ้มรสไวน์ชั้นเลิศ ได้แล้ววันนี้ที่ Ember Cafe & Wine  พระราม 9 ซอย 43 กรุงเทพฯ ร้านเปิดให้บริการทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 11.00-18.00 น. สำหรับผู้ที่ต้องการจองไพรเวทสามารถสำรองโต๊ะได้ทาง Instragram @ember.bangkok

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this