ปักหมุด 5 กลยุทธ์ไอทียุค Next Normal กับวีเอ็มแวร์

Published on

New Normal กำลังถูกแทนที่ด้วย Next Normal ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลกลายเครื่องมือสื่อสารต่อวิถีชีวิตและการขับเคลื่อนธุรกิจ ดังนั้น ทุกองค์กรจึงควรเตรียมพร้อมกับการกำหนดกลยุทธ์ไอทีเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในก้าวต่อไป

นครินทร์ เทียนประทีป ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยิบอินซอย จำกัด เปิดเผยว่า แม้องค์กรจะยังจำกัดตัวเองไว้ที่ไฮบริดคลาวด์ แต่มัลติ-คลาวด์ดูจะเป็นคำตอบที่ตรงจุดหากต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นจริงในอนาคต เพื่อรับมือปริมาณงานและอุปกรณ์สื่อสาร (Network Edge) ภายใต้แอปพลิเคชันหลากหลายโดยคอนเทนเนอร์และไมโครเซอร์วิสมากขึ้น ความท้าทายจึงอยู่ที่การสร้างสภาพแวดล้อมเวอร์ช่วลไลเซชันที่ผสานการทำงานของคลาวด์ทุกประเภท

การใช้ ซอฟต์แวร์ (Software-defined) ในการบริหารทรัพยากรฮาร์ดแวร์ ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และเน็ตเวิร์ค เพื่อมุ่งสู่ Hyper-Converged ภายใต้การจัดการแบบเวอร์ช่วล ถือเป็นหัวใจหนึ่งของความสำเร็จในการพัฒนาคลาวด์ ตัวอย่างเช่น VMware vSphere ซอฟต์แวร์ที่พัฒนามาเพื่อจัดการกับเวอร์ช่วลเซิร์ฟเวอร์ และร่วมกับ vMotion ในการยกย้ายและบริหารจัดการเวอร์ช่วลแมชชีนต่าง ๆ VMware vSAN ในการบริหารจัดการสตอเรจ หรือ การสร้างเวอร์ช่วลเน็ตเวิร์ค

โดย VMware NSX หรือ จะปรับเปลี่ยนอินฟราสตรัคเจอร์คลาวด์แบบจัดเต็มทุกฮาร์ดแวร์ด้วย VCF (VmWare Cloud Foundation) เพื่อเสริมบริการธุรกิจผ่านคลาวด์ และเกิดการใช้ทรัพยากรไอทีร่วมกันอย่างเป็นระบบ คุ้มค่าบนความปลอดภัยแบบ Zero-trust การเพิ่มเติมเทคโนโลยี HCX (Hybrid Cloud Extension) ที่ช่วยขยับขยายคลาวด์แบบ On-prem ขึ้นไปยังคลาวด์ระดับโกลบอล(Global Cloud) เช่น อเมซอนเว็บเซอร์วิส ไมโครซอฟท์อาซัวร์ หรือกูเกิล ที่มีการใช้งานต่างเวอร์ชันได้อย่างปลอดภัย ประหยัดทั้งเงินและเวลา เป็นต้น

ขณะนี้องค์กรกำลังเผชิญการจัดการปริมาณงานจากแอปพลิเคชันที่มาจากสภาพแวดล้อมการทำงานเดิม บนเวอร์ช่วลแมชชีน และคลาวด์-เนทีฟ โดย เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ (Container) จะเข้ามาช่วยให้เกิดความมั่นคงในการพัฒนาแอปพลิเคชันตามแนวทาง DevOps ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตัวแอปพลิเคชันที่มีน้ำหนักเบาทำให้ย้ายตัวเองไปยังคลาวด์ประเภทต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเทคโนโนลยีไมโครเซอร์วิสในการเขียน Docker File ที่ระบุคำสั่งและการใช้งานในการสร้างอิมเมจเพื่อไปรันบนคอนเทนเนอร์แบบครบสมบูรณ์ในตัวเองจึงมีความปลอดภัยสูง

รวมถึง คูเบอร์เนเตส (Kubernetes) ที่พร้อมบริหารจัดการกรณีมีการใช้งานคอนเทนเนอร์ปริมาณมาก ๆ ในองค์กร ซึ่ง VMware Tanzu เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ช่วยบริหารการพัฒนาแอปพลิเคชันบนคอนเทนเนอร์ได้สอดคล้องกับทุกสภาพแวดล้อมการทำงานบนคลาวด์ การจัดการกับคลัสเตอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชัน คอยสอดส่องและปรับปรุงอินฟราสตรัคเจอร์ให้ทันสมัยและพร้อมต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ ๆ อยู่เสมอ

เหนือกว่าด้วยเวอร์ช่วลเน็ตเวิร์ค (Virtual Cloud Network) อุปกรณ์เน็ตเวิร์คแบบแยกส่วนการทำงาน (Desperate Network Stack) กำลังถูกแทนที่ด้วยแพลตฟอร์มแบบเวอร์ช่วลเพื่อให้องค์กรมองเห็นเสมือนเป็นระบบเน็ตเวิร์คเดียวกัน เกิดการจัดการและรักษาความปลอดภัยที่ง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าด้วยเครื่องมือเดียว โดยรองรับการทำงานได้หลากหลาย ทั้งเวอร์ช่วลแมชชีน คอนเทนเนอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์

ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี VMware NSX ที่มาพร้อมการจัดการไฟร์วอลล์แบบเบ็ดเสร็จในระดับเวอร์ช่วลแมชชีน จะช่วยลดปัญหาคอขวดของการบริหารเส้นทางจราจรของปริมาณงานและข้อมูลของไฟร์วอลล์หลักที่เชื่อมออกไปยังภายนอก ขึ้นสู่คลาวด์ หรือภายในดาต้าเซ็นเตอร์เอง ตลอดจนกำจัดจุดอ่อนความปลอดภัยโดยฝังระบบตรวจจับและป้องกันผู้บุกรุก (IDS และ IPS) ไว้ในไฮเปอร์ไวเซอร์ เทคโนโลยี AVI Load Balancer ในกาจัดการทรัพยากรตัวหลัก (Active) และสำรอง (Standby) เพื่อปรับเพิ่มหรือลดการใช้งานตามความเหมาะสมได้โดยอัตโนมัติ

วีเอ็มแวร์ได้เผยตัวเลขว่า 74% ของพนักงานมีการทำงานแบบไฮบริดร่วมกันระหว่างเข้าออฟฟิศและทำงานจากบ้าน ขณะที่ 84% ตการจัดหาเครื่องมือที่ชาญฉลาดสำหรับการทำงานแบบดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น องค์กรจึงต้องมีโซลูชันที่ดีพอในการจัดการทรัพยากรที่รวดเร็ว การปกป้องข้อมูลและควบคุมการเข้าถึงแอปพลิเคชันจากอุปกรณ์ต่างๆ ได้ดี

อย่างไรก็ตาม การทำงานบนสภาพแวดล้อมและแอปพลิเคชันใหม่ๆ จากทุกที่ ทำให้กรอบความปลอดภัยเดิมที่เคยควบคุมได้หายไป VMware Workspace One จึงเป็นแพลตฟอร์มการทำงานดิจิทัลที่จะช่วยองค์กรในการควบคุมคุมการเข้าถึงแอปพลิเคชันจากทุกอุปกรณ์ และมี VMware Horizon ตัวช่วยในการบริหารจัดการเวอร์ช่วลเดสก์ท็อปและเวอร์ช่วลแอปพลิเคชันให้กับการทำงานทางไกล กำหนดแนวทางความปลอดภัยที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน

รวมถึง UEM (Unified Endpoint Management) ในการกำหนดกรอบนโยบายและจัดทรัพยากรที่เหมะสมปลอดภัยสำหรับเครื่องใช้งานปลายทาง ตลอดจนมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ปัญหาการใช้งานเวอร์ช่วลเดสก์ท็อปและเน็ตเวิร์คที่ลงลึกถึงรากของปัญหา (Root-cause Analysis)

โลกดิจิทัลทำให้องค์กรต้องมีมุมมองความปลอดภัยไอทีที่กว้างขึ้น วีเอ็มแวร์แนะว่า การสร้างระบบความปลอดภัยที่เข้มแข็งจะต้องครอบคลุม 5 เป้าหมายสำคัญ ได้แก่ 1.เครื่องใช้งานปลายทาง (Endpoint) 2.ปริมาณงาน (Workloads) ที่เกิดจากแอปพลิเคชันหรือกระบวนการพัฒนา (DevOps) 3. คลาวด์ 4.เน็ตเวิร์ค และ 5.ระบบระบุตัวตน (Identity System)

นครินทร์ เทียนประทีป

ส่วน 3 แนวทางการจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูง คือ 1.จัดหาอุปกรณ์ที่ฝังระบบความรักษาปลอดภัยในตัว 2.ปรับเปลี่ยนระบบความปลอดภัยที่เคยแยกส่วนทำงาน (Silo) มาเป็นการบริหารแบบองค์รวม (Unified) และ 3.ไม่จำกัดการสอดส่องเฉพาะภัยคุกคามไซเบอร์ (Threat Centric) อย่างมัลแวร์ แรนซั่มแวร์ แต่ต้องมองถึงบริบทโดยรอบ (Context Centric) เช่น พฤติกรรมที่ผิดปกติโดยผู้ใช้งาน เพื่อครอบคลุมทุกความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด

โดย VMware Carbon Black จะช่วยองค์กรป้องกัน ตรวจจับ และตอบโต้ความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้งานไม่ว่าจะเป็นเวอร์ช่วลไลเซชัน แอปพลิเคชัน คอนเทนเนอร์ คลาวด์ เป็นต้น ซึ่งเน้นการตรวจสอบเชิงลึกและสร้างระบบจัดการความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ข้ามไปมาระหว่างแอปพลิเคชันและคลาวด์ต่าง ๆ ขณะที่ VMware SASE จะมาเสริมการจัดการความปลอดภัยด้านเน็ตเวิร์คชนิดครบจบในโซลูชันเดียว ไม่ว่าจะเป็นเกตเวย์ SD-WAN เราเตอร์ วีพีเอ็น แอนตี้ไวรัส ความปลอดภัยในการใช้งานเว็บ คลาวด์ หรือการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้งาน เป็นต้น

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this