เงินดิจิทัล เปลี่ยนโลกได้จริงหรือ?

Published on

“เงินดิจิทัล เปลี่ยนโลกได้จริงหรือ !?” ร่วมเรียนรู้และก้าวสู่โลกยุคใหม่ในงานมหกรรมบล็อกเชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ส่งท้ายปี 2020 งาน “Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition”

ปัจจุบันเราได้ยินคนพูดถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) และสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) กันมากขึ้น บางคนมองว่าสิ่งเหล่านี้คือโอกาสในโลกยุคใหม่ บางคนบอกว่ามันเป็นแค่แชร์ลูกโซ่แบบหนึ่งที่อันตราย เชื่อถือไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วคำสองคำนี้อาจมีสิ่งที่น่าเรียนรู้ซ่อนอยู่มากกว่าที่คุณคิด

ก่อนที่เราจะเรียนรู้เรื่องสกุลเงินดิจิทัล เราต้องมารู้จักกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) กันเสียก่อน ว่าบล็อกเชนเปรียบเสมือนเครือข่ายการเก็บข้อมูลแบบหนึ่งที่เชื่อมต่อข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยทุกคนสามารถเข้าถึงและได้รับข้อมูลเดียวกันอย่างโปร่งใส ปลอดภัย และไม่ผิดพลาด นี่จึงเป็นเหตุผลที่มีการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงธุรกรรมทางการเงินที่ต้องการทั้งความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงปลอดภัย ตรวจสอบได้ และน่าเชื่อถือ จนเกิดเป็น “บิตคอยน์” (Bitcoin) เงินดิจิทัลสกุลแรกของโลก รวมถึงสกุลเงินใหม่ ๆ อย่าง อีเธอเรียม (Ethereum) และอื่น ๆ อีกกว่า 3,000 สกุล

ซึ่งปัจจุบัน บิตคอยน์เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด เพราะมันเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงที่สุดและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บิตคอยน์จึงกลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก จนหลายองค์กรสนใจหันมาลงทุนและเก็งกำไรในบิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น ดังจะเห็นในข่าวการเข้าซื้อบิตคอยน์ของบริษัทระดับโลกอย่าง MicroStrategy, Square Inc. รวมไปถึงการเปิดให้ซื้อเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มการเงินระดับโลกอย่าง PayPal จนเป็นที่กล่าวขวัญว่า “สกุลเงินดิจิทัล กำลังเปลี่ยนแปลงโลก” เพราะการทำธุรกรรมกับเงินดิจิทัล คือการทำธุรกรรมออนไลน์ที่เป็นไปด้วยระบบคอมพิวเตอร์บนเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งไม่ต้องอาศัยตัวกลางอย่างธนาคารจัดการอีกต่อไป เราจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าผ่านทาง หรือค่าบริการธุรกรรมใด ๆ ให้กับตัวกลาง มิหนำซ้ำยังสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาทีเทียบเท่ากับความแรงอินเทอร์เน็ตของเรานั่นเอง

และที่สำคัญ สกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน ยังเป็นโอกาสการลงทุนรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ อาทิ การชำระเงินออนไลน์ (E-payment), การระดมทุน (Crowdfunding), การกู้ยืมแบบ Peer-to-Peer โดยใช้เงินดิจิทัลเป็นหลักประกัน (Collateral Lending) หรือการกู้เงินดิจิทัลเพื่อไปขายทำกำไรในตลาดที่ราคาสูงกว่า และนำเหรียญที่ได้มาไปซื้อเงินดิจิทัลในอีกตลาดที่ราคาต่ำกว่าและนำกลับไปคืนที่เรากู้ ซึ่งสามารถทำกำไรได้ในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่วินาที (Flash Loans) เป็นต้น

จนถึงตอนนี้ รัฐบาลหลายประเทศก็กำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองในรูปแบบ สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (Central Bank Digital Currency: CBDC) ตัวอย่างเช่น จีนเป็นประเทศแรกของโลกได้ทำการทดลองใช้เงิน “หยวนดิจิทัล” ผ่านแพลตฟอร์มชำระเงินบนมือถือของประชาชนได้จริง รวมถึงยังมีอีกหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล รัสเซีย ได้เริ่มพัฒนาและกำลังจะเริ่มที่จะทดลองใช้สกุลเงินแห่งชาติเป็นของตัวเอง แม้แต่ในภาคเอกชนอย่าง Facebook ก็ได้ทำการวิจัยและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Libra เพื่อมาใช้ในแพลตฟอร์มของตัวเองด้วย

สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ) ได้ทำการศึกษา วิจัย และพัฒนา โครงการสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ ในชื่อ โครงการอินทนนท์ ซึ่งล่าสุดก็ได้ประสบความสำเร็จในการทำการทดสอบต้นแบบของระบบการโอนเงินระหว่างประเทศในเชิงธุรกิจ (Wholesale) ผ่านสกุลเงินดิจิทัลจำลองร่วมกับโครงการ LionRock ของธนาคารกลางฮ่องกงไปแล้วเมื่อมกราคมที่ผ่านมา และในไม่ช้าคนไทยคงจะได้เห็นการใช้เงินดิจิทัลจากภาครัฐมากขึ้นอย่างแน่นอน

เทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล ยังมีประโยชน์ในการสร้างโอกาสขององค์กร รัฐบาล และประเทศชาติให้ก้าวสู่โลกยุคใหม่ ซึ่งเป็นโลกที่ทุกคนจำเป็นต้องเปิดใจยอมรับและเริ่มศึกษาในเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จึงได้จัดงาน “Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition” มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล The World of Digital Asset and Blockchain Ecosystem ขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อผลักดันวงการสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนไปสู่อนาคต พร้อมเน้นย้ำในการเป็นเครือข่ายของกลุ่มผู้เผยแพร่องค์ความรู้ด้านบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุด และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุคใหม่แห่งสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2563 ณ สามย่านมิตรทาวน์ ภายในงานจะพบกับ เวทีให้ความรู้และกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อต่าง ๆ ภายใต้ 4 หัวใจหลัก ได้แก่ สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (Central Bank Digital Currency: CBDC) ระบบการเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi) สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) และการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อการประกอบการ (Blockchain for Enterprise) ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานอบรม หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://blockchain-th.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Latest articles

Deloitte report: Thailand’s ESG regulations and policies facilitate sustainable finance innovation

According to Deloitte’s latest report, organisations in Thailand should strengthen ESG data collection and reporting systems, as well as expand partnerships across their value chains, given that sustainable finance is fast becoming a critical lever for market development.

รายงาน ดีลอยท์ เผยมาตรการ ESG หนุนการเงินเติบโตยั่งยืน

รายงานล่าสุดของดีลอยท์ ระบุว่าองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยสามารถดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบการเก็บรวบรวมและรายงานข้อมูล ESG

โอซีซี เปิดตัว Deep Layer ExV ฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก ด้วยเทคโนโลยีความงามจากญี่ปุ่น

b-ex Thailand (บีเอ็กซ์ ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมระดับพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น ในเครือ บมจ.โอซีซี เปิดตัว Deep Layer สูตร ExV (Extra Velvety) ใหม่ล่าสุด

สัมผัสความละมุนจากเนื้อวากิว ทุกคืนวันศุกร์ ณ ห้องอาหารเวนติซี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ

ห้องอาหารเวนติซี ชั้น 24 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ ขอเชิญร่วมเปิดประสบการณ์ลิ้มรสชาติเนื้อวากิวคุณภาพพรีเมียมแสนอร่อยละมุนลิ้นในทุกคำที่ได้ลิ้มลอง ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกสรรนำเนื้อส่วนต่าง ๆ มาให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง

More like this