ไมโครซอฟท์ ตอกย้ำพันธสัญญาสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ AI ด้วยการประกาศแผนงานภายใต้แนวคิด “สร้างอนาคตประเทศไทยด้วย AI” เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)
โดยแผนงานดังกล่าวนี้ นับเป็นการสานต่อความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์และรัฐบาลไทย ในโอกาสที่คณะผู้บริหารจากไมโครซอฟท์ นำโดย โรดริโก เคเด ลิมา ประธาน ไมโครซอฟท์ เอเชีย ได้เข้าพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ในการร่วมหารือและรับทราบถึงความคืบหน้าล่าสุดภายใต้ความร่วมมือกับไมโครซอฟท์
การประกาศแผนงานครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ในการสนับสนุนเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมตอกย้ำความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ให้กับคนไทยทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ไมโครซอฟท์จะพัฒนา Cloud Region ในประเทศ ส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลและ AI และยกระดับศักยภาพด้านนวัตกรรมของภาคธุรกิจและชุมชนนักพัฒนาในไทย รวมถึงการร่วมก่อตั้งศูนย์นวัตกรรม AI แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ให้บรรลุผลสำเร็จต่อไป
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของประเทศไทยในเวทีนวัตกรรมดิจิทัลและ AI และสอดคล้องกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ที่จะช่วยสร้างเส้นทางสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้ด้านดิจิทัลและ AI สำหรับประชาชนทุกคน”
“ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล โดยมี AI เข้ามาช่วยพลิกโฉมทั้งแนวทางการสร้างนวัตกรรม การแข่งขัน และการสร้างโอกาส” โรดริโก เคเด ลิมา ประธาน ไมโครซอฟท์ เอเชีย กล่าว
“แนวคิด ‘สร้างอนาคตประเทศไทยด้วย AI’ ซึ่งเป็นความตั้งใจสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของเราต่อศักยภาพของประเทศไทย และความมุ่งมั่นที่จะสรรสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์สำหรับทุกคน เราภูมิใจที่ได้ให้การสนับสนุนกับองค์กรไทยและคนไทย ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทักษะ และความร่วมมือเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตในยุคดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับทุกคน”
ภายใต้พันธสัญญาครั้งสำคัญนี้ ไมโครซอฟท์กำลังเร่งพัฒนา Cloud Region ในประเทศไทย เพื่อให้บริการคลาวด์และ AI ที่มีประสิทธิภาพสูงแก่ลูกค้าทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำของไทยและพาร์ทเนอร์ระดับโลก อาทิ กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ร่วมกับ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) พร้อมด้วย ทรู คอร์ปอเรชั่น และ ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ (ทรู ไอดีซี)
ทั้งนี้ Cloud Region ใหม่ของไมโครซอฟท์แห่งใหม่ในประเทศไทย ผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับโลกเข้ากับจุดแข็งทางเศรษฐกิจของไทยและระบบนิเวศดิจิทัลที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจและนักพัฒนาไทยสามารถสร้าง พัฒนา และขยายโซลูชัน AI ได้ภายในประเทศ
โดยมั่นใจได้ในมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก ทั้งยังสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านถิ่นที่อยู่ของข้อมูล (data residency) อย่างครบถ้วน การพัฒนา Cloud Region ในไทย ถือเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้าน AI และนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ในทุกระดับ
เสริมศักยภาพองค์กรไทยในการสร้างนวัตกรรมด้วย AI
เพื่อช่วยให้องค์กรทั่วไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่ ไมโครซอฟท์ได้ขยายความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำที่จะเข้ามาใช้ประโยชน์จาก Cloud Region ใหม่แห่งนี้เป็นกลุ่มแรก ด้วยข้อได้เปรียบทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามกฎหมายและกรอบข้อบังคับต่าง ๆ ในประเทศไทยโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถวางรากฐานสำหรับนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมรองรับผู้ใช้ในวงกว้าง และเสริมศักยภาพทั้งในด้านกระบวนการทำงาน ประสบการณ์ของลูกค้า และการสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ในภาคธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์มคลาวด์ที่เชื่อถือได้จากไมโครซอฟท์
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เดินหน้าวิสัยทัศน์ทรานสฟอร์มสู่ดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยีคลาวด์ และ AI ที่เชื่อถือได้จากไมโครซอฟท์ เพื่อยกระดับการดำเนินงานและพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ ผ่านหน่วยธุรกิจดิจิทัลของกฟผ. สร้างแพลตฟอร์มที่ใช้ข้อมูลและ AI มาปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และเปิดโอกาสสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ความริเริ่มนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ กฟผ. ในการสร้างนวัตกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน เสริมศักยภาพกฟผ. ให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำพลังงานไทยในอนาคตที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- KBTG หน่วยงานทางด้านเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทย ชูกลยุทธ์การนำข้อมูลขับเคลื่อนทิศทางองค์กร โดยนำความสามารถของ AI มาเผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่รองรับการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดทั่วทั้งองค์กร ผลักดันธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “Human-First x AI-First” ที่เน้นการพัฒนานวัตกรรมด้วยการเข้าถึงความต้องการของลูกค้า ความรับผิดชอบ และการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้จริง เมื่อ Cloud Region ใหม่ของไมโครซอฟท์เปิดให้บริการKBTG จะสามารถขยายโครงการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และสอดคล้องกับข้อกำหนดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความไว้วางใจของลูกค้า
- SCBX ยังคงเดินหน้าภายใต้กลยุทธ์ AI-first (หรือเส้นทางสู่ AI-first organization) โดยมีเป้าหมายในการเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดในภูมิภาค บริษัทได้ผนึกรวมระบบการทำงานด้านข้อมูลและ AI เข้าด้วยกัน เพื่อเร่งพัฒนาโซลูชันที่ชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น พร้อมนำเสนอประสบการณ์การให้บริการธนาคารรูปแบบใหม่ ๆ ที่เน้นการตอบโต้กับลูกค้ โดยใช้ AI เอเจนต์ หรือผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่มี AI เป็นผู้ช่วย เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ชัดเจนในที่สุด การเปิดตัว Cloud Region ใหม่ในประเทศไทยจะต่อยอดแผนงานและความสำเร็จเหล่านี้ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ความยืดหยุ่นและมั่นคงที่ได้มาตรฐานระดับโลก และการรองรับกรอบข้อบังคับภายในประเทศอย่างครบถ้วน ทั้งยังสอดคล้องกับการลงทุนอย่างต่อเนื่องของ SCBX ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ความเข้าใจในเทคโนโลยี AI และการพัฒนาทักษะให้กับพนักงานทั่วทั้งองค์กร
นอกจากความร่วมมือข้างต้นนี้ ไมโครซอฟท์ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้าง AI Innovation Sandbox สำหรับการวิจัย ทดลอง และพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวข้ามความท้าทายในระดับชาติไปได้
โดยความสำเร็จครั้งสำคัญจากความร่วมมือนี้ ได้แก่ การพัฒนาโซลูชัน AI ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (OCS) ในฐานะหน่วยงานที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐบาลไทย ได้นำโซลูชัน AI ที่พัฒนาขึ้นบน Microsoft Azure OpenAI เพื่อสนับสนุนการก้าวสู่สถานะสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development – OECD) ของประเทศไทย
โดยสามารถแปลและเปรียบเทียบกฎหมายไทยกว่า 70,000 ฉบับกับข้อกำหนดของ OECD กว่า 270 ฉบับ เพื่อระบุช่องว่าง ความแตกต่าง และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่กว่า 500 คน จาก 80 หน่วยงานภาครัฐสามารถทำงานร่วมกันในการตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ และสามารถย่นระยะเวลาการทำงานจากหลายปีให้เหลือเพียงไม่กี่เดือน
ในเดือนธันวาคมนี้ จะสามารถจัดทำบันทึกความตกลงเบื้องต้นของประเทศไทย ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงถึงความสอดคล้องเชิงกฎหมายระหว่างประเทศไทยกับข้อกำหนดของ OECD และเป็นอีกก้าวของประเทศไทยสู่สถานะประเทศสมาชิก ภายใต้ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ สะท้อนถึงสัญญาณความมั่นคงด้านกฎระเบียบและการยึดตามแนวปฏิบัติสากลที่ดีที่สุด
เสริมสร้างสกิลคนไทย พร้อมรับอนาคตดิจิทัล
ไมโครซอฟท์ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างกำลังคนที่มีศักยภาพด้านดิจิทัลในประเทศไทย โดยเร่งพัฒนาทักษะด้าน AI ผ่านโครงการอบรม ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างผลกระทบในวงกว้าง โดยร่วมมือกับ ครู บุคลากรในองค์กรเพื่อสังคม และศูนย์พัฒนาทักษะทั่วประเทศ โครงการนี้มุ่งเน้นการยกระดับและออกใบรับรองให้แก่บุคคลากรที่สามารถถ่อยทอดความรู้ ส่งผลให้เกิดการขยายผลในห้องเรียน ชุมชน และภาคอุตสาหกรรม พร้อมสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถด้าน AI และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย และตลาดใหม่ กล่าวว่า “อนาคตในโลกดิจิทัลของประเทศไทยจะเป็นจริงได้นั้น เราต้องมีทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยีควบคู่กับการกระจายองค์ความรู้สู่ทุกภาคส่วน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมและผู้คนมีความพร้อมเติบโตไปด้วยกัน เราจึงให้ความสำคัญกับการเสริมทักษะ AI ที่ใช้งานได้จริง โดยเน้นที่การสร้างผลกระทบแบบทวีคูณ ที่ช่วยทำให้เกิดการต่อยอด ขยายผลออกไปให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง และเร่งการสร้างนวัตกรรมที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เรารู้สึกยินดีที่ได้สานต่อความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรภาคเอกชน เพื่อเพิ่มศักยภาพ เสริมความพร้อมให้คนไทยและองค์กรไทยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในยุคแห่ง AI ได้อย่างแท้จริง”
การขยายกิจกรรมพัฒนาทักษะ AI นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Microsoft Elevate –โครงการระดับโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้กลายเป็นหัวใจหลักในการสรรสร้างนวัตกรรมด้วย AI โดยโครงการดังกล่าวมุ่งสนับสนุนพันธมิตรทั้งในภาคการศึกษา องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และหน่วยงานภาครัฐ ในการพัฒนาทักษะและออกใบรับรองการสำเร็จการอบรม ให้แก่ผู้เรียนกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกภายในสองปีข้างหน้า

