ภัยเงียบ! ปอดอักเสบติดท็อป 3 คร่าชีวิตคนไทย

Published on

5 องค์กรสาธารณสุขระดับประเทศ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กรมควบคุมโรค มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ประกาศผนึกกำลังครั้งใหญ่ เพื่อเร่งแก้ปัญหาวิกฤตสาธารณสุขที่โรคปอดอักเสบกำลังคุกคามชีวิตคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เนื่องในวันปอดอักเสบสากล ภายใต้แคมเปญ “เด็กไทยต้องปลอดภัย จากโรคร้ายที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน” พร้อมเดินหน้าผลักดันการใช้วัคซีน PCV ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการและประเมินความเหมาะสม เพื่อลดผลกระทบจากการป่วยหนัก และทุพพลภาพถาวรจากการติดเชื้อนิวโมคอคคัสในเด็กเล็ก

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น 6 ศูนย์ปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม World Pneumonia Day 2025 เนื่องในวันปอดอักเสบสากล โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรม ประกอบด้วย การแถลงข่าว และการเสวนาพิเศษ “Every Breath Matters: ทางออกเพื่อปกป้องลมหายใจเด็กไทย” โดยมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจเข้าร่วมงาน และรับชมผ่านระบบออนไลน์ กว่า 100 คน ทาง Facebook สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และเครือข่าย

นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคปอดอักเสบไม่ใช่เรื่องไกลตัว และเป็นหนึ่งในภัยเงียบ ที่คร่าชีวิตเด็กนับล้านคนทั่วโลก และที่สำคัญ “เป็นโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน” ซึ่งทุกปีมีเด็กหลายคน ที่ต้องสูญเสียโอกาสในชีวิต เพียงเพราะไม่ได้เข้าถึงวัคซีน หรือไม่ได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียม กระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายชัดเจน ในการสร้างระบบสุขภาพที่เข้มแข็งและครอบคลุม โดยให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ผ่านการเข้าถึงวัคซีนที่จำเป็น และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจ เพื่อให้เรื่อง “วัคซีน” ไม่ใช่แค่ประเด็นทางสาธารณสุข แต่เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่เราทุกคนมีส่วนร่วมได้ กระทรวงสาธารณสุข จะเดินหน้าสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนที่จำเป็นอย่างเท่าเทียม การสื่อสารสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาอุตสาหกรรมวัคซีนในประเทศ อย่างยั่งยืน

รศ. พล.ต.หญิง พญ.ฤดีวิไล สามโกเศศ ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วัคซีน PCV (Pneumococcal Conjugate Vaccine) มีความสำคัญต่อการป้องกันโรคติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสแบบรุกรานรุนแรง คือ IPD หรือ Invasive Pneumococcal Disease ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดบวม โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นโรคที่รุนแรงอาจทำให้เสียชีวิต หรือมีความพิการทางสมอง ทั้งนี้โรคติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน PCV โดยแนะนำสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยกำหนดการให้วัคซีนในเด็กทารก คือ ในขวบปีแรกให้ครั้งแรกเมื่ออายุ 2 เดือน ครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4 เดือน ครั้งที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน หรือให้อีกครั้งในขวบปีที่ 2 เมื่ออายุ 12-15 เดือน

“การที่เด็กส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีน PCV ได้ เป็นการขาดความเสมอภาคในการปกป้องชีวิต หากกระบวนการนำวัคซีนเข้าสู่แผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันของชาติ มีความล่าช้า ความสูญเสียก็จะยิ่งมากขึ้น การประกาศให้วัคซีน PCV อยู่ในสิทธิประโยชน์ในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะทำให้เด็กในประเทศทุกรายสามารถรับวัคซีนที่จำเป็นนี้ได้อย่างทั่วถึง” ในโอกาสกิจกรรม World Pneumonia Day 2025 12 พฤศจิกายน 2568 สมาคมกุมารแพทย์นานาชาติ (International Pediatric Association) ซึ่งไทยเป็นประเทศสมาชิก ได้ร่วมลงนามปฏิญาณในฐานะสมาคมกุมารแพทย์ให้ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่จะผลักดันเชิงนโยบายให้ความครอบคลุม PCV ถึงเป้าร้อยละ 90 เช่นเดียวกับประเทศอื่นทั่วโลกภายใน ปีพ.ศ. 2573 จึงขอเชิญชวนกุมารแพทย์ทั่วประเทศไทยพร้อมใจกันลงนามในคำปฏิญาณนี้ และนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อลดโรค IPD ซึ่งเป็นโรคอันตราย

ศ. พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ทุกประเทศบรรจุวัคซีน PCV ในโครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแห่งชาติ (EPI) โดยกว่า 167 ประเทศจาก 194 ประเทศทั่วโลกมีนโยบายให้เด็กทุกคนได้รับวัคซีน PCV ฟรี ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน
เกือบทั้งหมดในภูมิภาคเอเชีย ได้จัดให้วัคซีน PCV อยู่ในสิทธิ์ของเด็กทุกคนมาหลายปี สำหรับประเทศไทย โรคที่เกิดจากเชื้อนิวโมคอคคัสยังคงพบในเด็กไทยจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบปอดอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็กไทยควรทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการปกป้อง แต่ในปัจจุบัน ผู้ปกครองต้องจ่ายเงินเอง ทำให้การเข้าถึงวัคซีนยังไม่ทั่วถึง

“สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ขอเป็นตัวแทนกุมารแพทย์ไทย เรียกร้องให้เด็กไทยทุกคนได้รับวัคซีน PCV โดยไม่ขึ้นกับฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว เพราะเด็กไทยคืออนาคตของประเทศ และเราไม่อาจยอมรับได้ว่า เด็กไทยต้องเสี่ยงต่อโรคร้ายที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ทั้งนี้ วัคซีน PCV เป็นวัคซีนจำเป็นที่ควรให้กับเด็กทุกคน การให้วัคซีนที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพสูงเช่น PCV คือการลงทุนที่คุ้มค่าและยั่งยืนที่สุด เพื่อสร้างอนาคตของชาติที่แข็งแรง ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดี”

ด้าน นพ.กำธร มาลาธรรม กรรมการมูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชน เน้นย้ำว่า โรคปอดอักเสบเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลต่อเด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 5 ปี แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน PCV และแม้ว่าวัคซีน PCV จะมีใช้มานานทั่วโลก แต่เด็กไทยจำนวนมากยังไม่ได้รับวัคซีน ไม่ใช่เพราะผู้ปกครองไม่รักลูก แต่เพราะการเข้าถึงวัคซีนไม่เท่าเทียมกัน เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ทุกครอบครัวจะสามารถจ่ายได้

“วัคซีนไม่ควรเป็นสิทธิพิเศษแต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เราเชื่อว่า เด็กทุกคนไม่ว่าจะเกิดที่ไหนหรือครอบครัวเป็นอย่างไร ควรได้รับการปกป้องที่เท่าเทียม และการเรียกร้องของเราคือ เพื่อให้เด็กไทยทุกคนมีโอกาสในการมีชีวิตที่แข็งแรงและเป็นปกติ มูลนิธิวัคซีนเพื่อประชาชนจึงขอประกาศจุดยืนร่วมกันกับภาคีเครือข่ายด้านสาธารณสุข ทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กรมควบคุมโรค และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ในการสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีน PCV ในระบบวัคซีนพื้นฐานของประเทศ เพื่อให้เด็กไทยทุกคน ได้รับการปกป้อง ลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยหรือพิการ เพราะทุกลมหายใจของเด็กมีคุณค่า”

ขณะที่ นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า กรมควบคุมโรคให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคปอดอักเสบในเด็กอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากเชื้อ Streptococcus pneumoniae (Pneumococcus) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยรุนแรงในเด็กเล็ก โดยใช้ระบบเฝ้าระวังโรคและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงระบาดวิทยาเพื่อตรวจหาความเสี่ยงและสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายสาธารณสุข

“กรมควบคุมโรคทำงานร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เพื่อรวบรวมข้อมูลทางวิชาการและประเมินความเหมาะสมของการให้วัคซีนป้องกันโรค Pneumococcal (PCV) ในระบบวัคซีนของประเทศ และจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ทุกการตัดสินใจจึงอิงหลักฐานเชิงวิชาการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เป้าหมายคือการปกป้องเด็กไทยตั้งแต่ต้นทาง ให้เข้าถึงวัคซีน PCV ตามช่วงวัย พร้อมสร้างความมั่นใจว่าระบบสาธารณสุขสามารถดูแลและปกป้องเด็กทุกคนตลอดการเติบโต”

ด้าน พญ.สุเนตร ชื่นกิจมงคล รองผู้อานวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้ายบนเวทีแถลงข่าวว่า วันนี้สิ่งที่ถูกกล่าวถึงไม่ใช่เพียงวัคซีนหรือโรคปอดอักเสบจาก Pneumococcus แต่คือ การสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคของประเทศให้ครอบคลุมและเท่าเทียม เพื่อปกป้องเด็กทุกคนอย่างต่อเนื่อง สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (NVI) มีภารกิจหลักในการพัฒนาระบบวัคซีนให้มั่นคงและยั่งยืน โดยอิงข้อมูลทางวิชาการและบริบทของประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้ทั่วถึงและเท่าเทียม

“งานวิจัยโดย HITAP แสดงให้เห็นว่า วัคซีน PCV ในเด็กไทยมีความคุ้มค่า ลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในระยะยาว การจัดหาวัคซีนจึงเป็นการลงทุนด้านสุขภาพและอนาคตของประเทศ ไม่ใช่ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ความสำเร็จของระบบวัคซีนขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และเราจะเดินหน้าร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียม”

Latest articles

เชลล์ครองแชมป์อันดับ 1 ผู้จำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 19

ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์ยังครองตำแหน่งแชมป์อันดับ 1 ผู้จำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูประดับโลกเป็นปีที่ 19 ติดต่อกัน จากรายงานฉบับที่ 23 ของ Kline & Company เรื่อง Global Lubricants:...

เปิดฉาก TMOX, OGET และ Powerex Asia 2025 โชว์ศักยภาพเมืองไทยยุคเปลี่ยนผ่านพลังงาน

เปิดฉาก 3 งานใหญ่ด้านพลังงาน–ออฟชอร์–ไฟฟ้า หนุนไทยสู่ศูนย์กลางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอาเซียน เชื่อมโยงน้ำมันและก๊าซ การเดินเรือและออฟชอร์ และพลังงานไฟฟ้าไว้ภายใต้หลังคาเดียวกัน พร้อมจับกระแสอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านแบบเต็มรูปแบบ

ส่องพื้นที่กิจกรรมกลางกรุง พื้นที่ไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

เพราะปัจจุบันกรุงเทพฯ คือเมืองที่กำลังปรับตัวจาก “พื้นที่ปิด” สู่ “พื้นที่เปิด” ที่ต้องการให้ผู้คนมีพื้นที่พักผ่อนและทำกิจกรรมต่าง ๆ และนี่คือเหตุผลที่พื้นที่กิจกรรมกลางกรุงกำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมืองยุคใหม่

ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมในวงการความงาม

ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ไม่เพียงช่วยลดริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับรูปหน้า เสริมมิติ และคืนความสดใสให้ผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ

More like this