“เชียงใหม่ Organic Route @บ่อแก้ว” เส้นทางท่องเที่ยวรักษ์โลก 2 รางวัลกินรี จาก ททท.

Published on

หนึ่งในความสุขของการเดินทาง คือ การได้คิดถึง คิดถึงเมื่อยังไปไม่ถึง คิดถึงเมื่อถึงที่หมาย คิดถึงเมื่อต้องจากไป คิดถึงเมื่ออยากกลับไปอีกครั้ง

และนี่ก็เป็นอีกทริปหนึ่งในความสุขที่ว่านั้น

….

บ้านบ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ พื้นที่บนภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีสภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่นี่จึงเป็นแหล่งปลูกสตรอเบอร์รี่ขนาดใหญ่ รวมทั้งพืชผักและผลไม้เมืองหนาว อีกทั้งยังเป็นแหล่งปลูกกาแฟคุณภาพดี รวมทั้งนาขั้นบันไดที่กำลังทอความเขียวสดอยู่ตามไหล่เขา

ประชากรที่บ้านบ่อแก้ว อ.สะเมิง ประกอบด้วย 4 ชาติพันธุ์หลัก คือ กะเหรี่ยง (ปกากะญอ) ม้ง ลัวะ และชาวไทยพื้นเมือง จึงมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย

ธรรมชาติ และวิถีชีวิต สองสิ่งนี้ประสานเป็นความเข้มแข็งของบ้านบ่อแก้ว เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่เราได้สัมผัสถึงเสน่ห์อันน่าหลงใหล

เชียงใหม่ Organic Route @บ่อแก้ว

เชียงใหม่ Organic Route @บ่อแก้ว เป็นเส้นทางนำร่องสำหรับการท่องเที่ยวแบบ CNT (Carbon Neutral Tourism) โดย พี สมาย ออร์กาไนเซอร์ ที่ได้รับรางวัล ดีเด่น จากเวที Thailand Tourism Awards ปี 2568 จาก ททท. ประเภทรายการนำเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ พ่วงด้วย “รางวัลแห่งความยั่งยืน” ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปีนี้

ขณะที่ วิสาหกิจชุมชนบ่อแก้ว ลัวฉือนี ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ก็ได้รับรางวัล ยอดเยี่ยม ประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน พร้อมกับรางวัลองค์กรภาคประชาสังคมและสาธารณประโยชน์

สำหรับรางวัลแห่งความยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ มีสัญลักษณ์ “กินรีสีเขียว” ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคมและชุมชน และการจัดการคาร์บอนต่ำ

เส้นทางในทริปนี้ จึงมีความพยายามในการลดการปล่อยคาร์บอนในหลายมิติ อาทิ การเลือกที่พักที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ความร่วมมือในการลดขยะพลาสติกด้วยการพกแก้วน้ำและถุงผ้าส่วนตัว การรับประทานอาหารจากวัตถุดิบในชุมชนที่ช่วยลดกระบวนการขนส่ง เป็นต้น จากนั้นจะมีการคำนวณการปล่อยคาร์บอนและจัดการเพื่อก้าวสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนต่อไป


 

อาบป่าขุนขาน อลังการถ้ำสีรุ้ง

เส้นทางนี้ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นเช้าวันแรกกันที่ “อุทยานแห่งชาติขุนขาน” ต.แม่สาบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ความสูงตั้งแต่ 500-1,708 เมตรจากระดับทะเลปาน ตั้งแต่ที่ทำการอุทยานฯ จะมีลำน้ำแม่โต๋ไหลผ่าน มีลานกางเต็นท์พร้อมห้องน้ำให้บริการ

เมื่อข้ามสะพานไม้ไปสู่พื้นที่ป่า จะมีทางเดินสำรวจธรรมชาติเลียบแม่น้ำพร้อมสถานีการเรียนรู้ตามจุดต่าง ๆ แต่วันนี้เรามีกิจกรรม “อาบป่า”(Grounding) ปล่อยช่วงเวลาเยียวยายจิตใจไปกับสิ่งรอบข้าง

การอาบป่า ไม่เหมือนกับการเดินป่า เพราะไม่ได้คำนึงถึงจุดหมาย ไม่ต้องพิชิตอะไรทั้งนั้น อาศัยการเดินเล่นอย่างช้า ๆ เปิดสัมผัสทั้ง 5 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ไปกับธรรมชาติเพื่อสร้างความผ่อนคลาย วิธีแบบนี้ เรียกว่า Shinrin-yoku ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการศึกษาทางการแพทย์มาหลายสิบปีแล้ว ผลวิจัยระบุว่า การอาบป่าช่วยลดคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดได้

ในทริปนี้เราได้รับอนุญาตให้เก็บเมล็ดพันธุ์ที่ตกอยู่ตามพื้นดินคนละ 2 เมล็ดในกิจกรรม “คุณปลูก เราดูแล” เพื่อนำไปส่งต่อให้กับชุมชนในละแวก รับหน้าที่เพาะจนเป็นต้นกล้า ก่อนจะส่งต่อให้เด็ก ๆ ในโรงเรียนช่วยกันปลูกและดูแลจนพวกมันเติบโต เป็นการร่วมสร้างจิตสำนึกระหว่างเจ้าบ้านและผู้มาเยือน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ยังคงความสมบูรณ์ต่อไป

ในพื้นที่อุทยานฯ ยังมีความสวยงามของ “ถ้ำหลวงแม่สาบ” มหัศจรรย์แห่งถ้ำสีรุ้งที่เดินทางเที่ยวชมได้สะดวก โดยทางอุทยานฯ จะมีบริการหมวกกันน็อคพร้อมไฟส่องทางให้กับทุกคน ภายในถ้ำมืด ๆ จะมีการติดสปอร์ตไลท์เป็นช่วง ๆ เข้าไปแล้วจะพบความสีสันและพื้นผิวอันน่าฉงน งดงามราวภาพเขียน


สัมผัสประสบการณ์อาหาร 4 ชนเผ่า

4 ชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่รวมกัน สะท้อนความหลากหลายของบ้านบ่อแก้ว ผ่านวิถีชีวิตความเป็นอยู่อันเป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางวิถีธรรมชาติที่ยังคงความสงบร่มเย็น

และนี่คือรสชาติที่อยากจะชวนให้ไปสัมผัส ในทริปนี้เราแวะไปที่ “โยชูคาเฟ่” ร้านกาแฟเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน โดย “พะติโยชู” หรือ “คุณลุงโยชู” ในภาษากะเหรี่ยง

ข้าวเบ๊อะ

ความสนุกสนานเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่พะติโยชูชวนให้เราร่วมลงมือทำ “ข้าวเบ๊อะ” อาหารท้องถิ่นของชาวกะเหรี่ยง ที่ทำมาจากข้าวต้มสุก น้ำพริกแกง ผสมกับเนื้อสัตว์และหวายที่เก็บจากป่า พร้อมด้วยสมุนไพร

หนุ่มชาวม้งชี้ชวนให้รู้จักกับ “ไก่ต้มสมุนไพรม้ง” ที่รวมพืชผักสมุนไพรกว่า 10 ชนิด เช่น ตะไคร้ เย้ชวนดั่ว จิงจูไฉ่ ว่านท้องใบม่วง ว่านน้ำเล็ก เก็กฮวยป่า ผักแพวแดง ชั่วเลียะ จิเตอเนง ชะซ้ง ก้ามปูหลุด โสมคน และ ตี๋เม ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

สะเบื๊อก
คั่วหน่อ

สำหรับเมนูจากของชาวลัวะ คือ “สะเบื๊อก” เป็นยำเนื้อสัตว์กับผักพื้นบ้าน ส่วนชาวไทยพื้นเมืองนำเสนอ “คั่วหน่อ” โดยใช้หน่อไม้ “เทพธิดาดอย” ซึ่งอยู่ตามป่าเขามาเป็นส่วนประกอบหลัก สิ่งสำคัญของอาหารท้องถิ่น 4 ชนเผ่า คือการกินอยู่ในวิถีธรรมชาติ สะท้อนรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบนั้น ๆ


กาแฟดูแลป่า เพราะธรรมชาติคือการแบ่งปัน

พื้นที่ในหมู่บ้านบ่อแก้ว อยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่สลับซับซ้อน ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ที่นี่จึงเป็นแหล่งปลูกสตรอเบอร์รี่แหล่งใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งเกษตรกรรม มีการปลูกข้าวดอย พืช ผัก ผลไม้เมืองหนาว รวมทั้งกาแฟสายพันธุ์อราบิกา ที่มีการส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

การปลูกกาแฟ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางในการอนุรักษ์พื้นที่ป่า นอกจากจะช่วยสร้างความเขียวขอุ่มแล้ว ยังส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชน วันนี้เราได้เข้าไปเดินเล่นในสวนกาแฟผืนใหญ่ของชุมชน ซี่งเป็นแหล่งดั้งเดิมมาตั้งแต่อดีต โดยมีมิชชันนารีชาวอเมริกาเป็นผู้ริเริ่มและส่งเสริมให้ชาวบ้านได้สร้างอาชีพพร้อมการดูแลผืนป่า

วันนี้ เราได้เจอกับ “พะตินิกะ” ซึ่งพาเราเดินชมสวนกาแฟในหุบเขา และแนะนำให้เราได้ร่วมกิจกรรม “กาแฟดูแลป่า”

ธรรมชาติของกาแฟ เมื่อเมล็ดหล่นร่วงจากต้น ก็จะเติบโตเป็นต้นพันธุ์เล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ บ้างก็หลบร่มเงา บ้างก็แออัดกันมากเกินไป ชาวสวนจึงต้องย้ายต้นกล้าไปปลูกในที่ที่เหมาะสม เกิดเป็นกิจกรรมสร้างความสุขที่เราร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้

อีกหนึ่งความน่ารักของบ้านบ่อแก้ว คือการแบ่งปัน แหล่งปลูกกาแฟแห่งนี้ถือเป็นพื้นที่กลางขอวชุมชน โดยมีชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนต้นกล้ากาแฟในพื้นที่ ก็จะถือว่าเป็นของทุกคน ชาวบ้านที่อยากนำไปปลูกก็สามารถมาขุดไปได้ เช่นเดียวกับ “พะติโยชู” ที่นำต้นกล้าจากพื้นที่นี้ ไปปลูกไว้ริมรั้วบ้านของเขา

มาถึงแหล่งปลูกกาแฟ ก็ต้องแวะไปลิ้มรสความหอมกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นที่ “โยชูคาเฟ่” หรือร้านกาแฟที่อยู่ใกล้กับแหล่งปลูกดั้งเดิมของชุมชนอย่าง “ความสุขคาเฟ่” (Khwamsukh Cafe) ร้านกาแฟแห่งความสุข เป็นหนึ่งในสิ่งที่สะท้อนความเป็นอยู่ของชาวบ่อแก้ว กาแฟหอมกรุ่น พร้อมด้วยขนมโฮมเมด ภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่น

หรือจะแวะไปที่ “เติบโตคาเฟ่ โดะ ถ่อ กาแฟ” (Growth Cafe) ร้านกาแฟในป่าดิบชื้นที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มี Canopy Walk Way เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดไปในระดับยอดไม้ ชวนให้เราได้ท้าทายให้เราไปชื่นชมธรรมชาติในมุมมองแปลกตา


 

สงบงาม ทุกยาม The Tak Ko

แค่เพียงได้พบหน้าก็หลงรักเข้าอย่างจัง The Tak Ko (เด๊อะ ทะ คอ) ที่หมายถึงพื้นที่บนเนินเขา ตามคำบอกเล่าของ “ครูสะแม” ผู้เป็นเจ้าของ เธอเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านบ่อแก้วมาหลายช่วงอายุคน โดยอาศัยพื้นที่ทำกินบนเนินเขาแห่งนี้ ครอบครัวของเธอทำไร่ข้าวโพดเป็นหลัก เนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งน้ำ

ด้วยความผูกพันกับพื้นที่บนเนินเขาแห่งนี้มานาน The Tak Ko จึงเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2567 เป็นโฮมสเตย์เล็ก ๆ ขนาด 2 ห้องนอน มีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำแยกกันอย่างละ 1 ห้อง ด้วยความห่างไกลจากชุมชน จึงยังไม่มีไฟฟ้าใช้ อาศัยแผงโซลาร์เซลล์เก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน และแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับใช้ในเวลากลางคืน จึงถือได้ว่าใช้พลังงานสะอาด 100% ด้วยข้อจำกัดในการจัดเก็บพลังงาน การใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืน จึงต้องเป็นไปอย่างประหยัด

เรื่องของการใช้น้ำไม่มีอุปสรรคใด ๆ แต่ที่นี่ยังไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น อุณหภูมิของน้ำในช่วงหน้าฝนนี้ คือ เย็น และเย็นมาก สะแมบอกกับเราว่า กำลังมองว่าจะติดเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สดีหรือไม่

เช้า สาย บ่าย เย็น ไปจนค่ำ บรรยากาศ The Tak Ko เดินไปอย่างเงียบสงบ เหมาะกับการมาฝังตัวอยู่กับธรรมชาติ หากอยากได้อะไรก็โทรบอกสะแมจัดการให้ได้


บ่อแก้ว เลเจ้นด์ โฮมสเตย์แอนด์ ฟาร์มเสตย์

หากอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับชุมชนอีกหน่อย ขอแนะนำอีกมุมสบายที่ “บ่อแก้ว เลเจ้นด์ โฮมสเตย์แอนด์ ฟาร์มเสตย์” เป็นที่พักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ประกอบกับกระแสไฟฟ้าหลัก ที่นี่ยังได้รับมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ด้วยความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย มีการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ฯลฯ

ตัวบ้านมีขนาดใหญ่ มีห้องพักให้เลือกหลากหลายขนาด มีมุมประชุมและจัดกิจกรรมเล็ก ๆ ได้ รอบตัวบ้านยังเต็มไปด้วยพืชพรรณและสวนป่า

ที่ชอบใจมากคือรสชาติอาหารท้องถิ่นจากฝีมือของเจ้าบ้าน เมนูง่าย ๆ ได้สุขภาพ ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นหลัก ที่อยากบอกว่าห้ามพลาดคือ “12 เซียนทะเลหมอกบ่อแก้ว” หรือ “ชาบูม้ง” ที่ใช้สมุนไพรท้องถิ่น 12 ชนิด ได้ล้อมวงในช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบาย ถือเป็นช่วงเวลาที่อิ่มเอมใจสุด ๆ


ตระเวนเที่ยวบ้านบ่อแก้ว

มาเที่ยวบ้านบ่อแก้วยังมีกิจกรรมให้ออกไปเพลิดเพลินอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะแวะไปที่ หมู่บ้านกะเหรี่ยงบ้านแม่ขะปู ไปชมการทอผ้า พร้อมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน เส้นทางบนเนินเขายังพาเราผ่านเหมืองแร่เก่า ซึ่งเคยเป็นอุตสาหกรรมหลักของที่นี่

นาข้าวดอยที่เขียวขจีในช่วงหน้าฝน เป็นอีกจุดที่เติมพลังความสดชื่น หรือจะแวะไปเดินเล่นในย่านตลาดเล็ก ๆ ของชุมชน ก็จะพบกับวิถีชีวิตที่เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ

หรือจะแวะไปที่ โรงงานสุรากลั่นชุมชน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสตรอเบอร์รี่ ต.บ่อแก้ว แหล่งผลิตสุราชุมชนที่ได้มาตรฐาน โดยใช้วัตถุดิบหลักในพื้นที่มาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มหลากหลายชนิด

….

บรรยากาศของบ้านบ่อแก้วในช่วงหน้าฝนเต็มไปด้วยความชื่นฉ่ำใจ วิถีอันเรียบง่ายยังคงสะท้อนวิถีที่เดินทางเคียงคู่ไปกับธรรมชาติ

เวลาที่บ่อแก้วไม่เดินช้ากว่านาฬิกาที่บ้าน แต่สัมผัสถึงความเบิกบานอิ่มเอมใจได้มากกว่า แค่ได้มาพักกายพักใจในอ้อมกอดของธรรมชาติ นั่งนิ่ง ๆ มองฟ้า ปล่อยให้สายลมปะทะใบหน้า แค่นี้ก็สุขใจ ขอขอบคุณ

P SMILE ORGANIZER

ติดต่อเส้นทางท่องเที่ยวแบบ CNT กับพีสมาย 0632354415

Facebook/P Smile Travel

 

 

 

Latest articles

ดุสิตธานี กรุงเทพ / เกียวโต คว้า ‘มิชลิน คีย์’ สะท้อนการออกแบบและบริการที่เป็นเลิศ

กลุ่มดุสิตธานีตอกย้ำความเป็นเลิศระดับโลก หลัง 2 โรงแรมเรือธงคว้า ‘มิชลิน คีย์’ ครั้งแรก ! ของ ‘ดุสิตธานี กรุงเทพ’ - ขณะที่ ‘ดุสิตธานี เกียวโต’ ได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

คลังแจงคุณสมบัติ การสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คนที่ 18

คณะกรรมการสรรหา ผอ.ออมสิน ได้มีมติเห็นชอบให้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568

Seafood Paradise สด อร่อย จากชุมชน ที่โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์

โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ ขอเชิญทุกท่านร่วมเปิดประสบการณ์แห่งรสชาติ กับ “Seafood Paradise” บุฟเฟต์ซีฟู้ดและอาหารนานาชาติ ที่ผสานความสดใหม่ ความคุ้มค่า และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

Bangkok International Fashion Week 2025 ชูพลังยังก์ดีไซเนอร์ สร้างสรรค์จากผ้าไทยท้องถิ่น

สยามเซ็นเตอร์ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ เอปสัน ประเทศไทย เปิดเวที Bangkok International Fashion Week 2025 –Visionary Stage at Siam Center สนับสนุนยังก์ดีไซเนอร์ ชูพลังไทยสร้างสรรค์จากผ้าไทยท้องถิ่นทั่วประเทศ

More like this