สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย หรือ สอน. เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เติบโตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขานรับนโยบายรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา PM 2.5 สอดรับเทรนด์การค้าโลกในปัจจุบัน ที่ได้นำประเด็นสิ่งแวดล้อมเข้ามามีบทบาทในการกีดกันทางการค้า
ใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ตามนโยบาย“ปฏิรูปอุตสาหกรรม” ของ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สอน. จึงได้จัด “โครงการประชาสัมพันธ์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เติบโตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” เพื่อรณรงค์ลดการเผาอ้อยในภาคการเกษตรสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนให้มีการตัดอ้อยสดเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ทำการกดปุ่ม Kick off โอนเงินช่วยเหลือตัดอ้อยสด 100% ล็อตแรก ซึ่งมีพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับเงิน 77,044 ราย ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 55 ล้านตัน หรือคิดเป็น 60.94% ของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงินทั้งสิ้น 126,418 ราย สำหรับล็อตถัดไป คาดว่าจะสามารถโอนได้ภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับแนวทางที่จะส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยและผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล ประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจสู่อุตสาหกรรมสีเขียวมากขึ้น อาทิเช่น
สร้างมูลค่าเพิ่มใบและยอดอ้อย : ขยายต้นแบบเครื่องอัดใบอ้อย (Wood Pellet) และใบอ้อยอัดก้อน (Wood Chip) และขยายผลไปสู่ชุมชนต้นแบบ
แนวคิดการเพิ่มมูลค่าใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ : เพิ่มรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ในการพัฒนาเครื่องผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า
สินเชื่อสีเขียวเพื่อเกษตรกรชาวไร่อ้อย : จัดการแหล่งน้ำ ซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อย และแก้ไขปัญหา PM 2.5
สนับสนุนการรวมกลุ่มชาวไร่อ้อย : เพื่อการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรต่าง ๆ เช่น เครื่องสางใบอ้อย เครื่องตัดอ้อยพ่วงข้าง เครื่องกวาดใบอ้อย เครื่องอัดใบอ้อย และผานสับคลุกใบอ้อย
“ผมหวังว่าการจัดโครงการนี้ จะสามารถสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรและโรงงานน้ำตาลร่วมมือกับภาครัฐ ในการลดเผาอ้อย ลด PM 2.5 และมีตัวเลขการเผาอ้อยในฤดูการผลิตหน้าที่ต่ำกว่า 14% เพื่อขับเคลื่อนและยกระดับภาคการผลิตอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลให้เป็นอุตสาหกรรมใหม่ ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะมุ่งให้ไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2608”