จากกรณีที่เนสท์เล่ยื่นขอให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิจารณาเรื่องเขตอำนาจศาลว่า คดีข้อพิพาทระหว่างเนสท์เล่และตระกูลมหากิจศิริอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลแพ่งมีนบุรีหรือศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
วันนี้ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ศาลแพ่งมีนบุรี คดีหมายเลขดำที่ พ 571/2568 ได้อ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ โดยประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้วินิจฉัยให้โอนคดีนี้ไปศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
ทั้งนี้ เนสท์เล่ ยังคงดำเนินธุรกิจเนสกาแฟตามปกติ ซึ่งรวมทั้งการผลิต จ้างผลิต นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในประเทศไทย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติและคุณภาพสูงเช่นเดิม อีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินการผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย และยังคงรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่องเหมือนเช่นเคย เนสท์เล่จะยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยเพื่อสร้างประโยชน์แก่ลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานของเรา เกษตรกร ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจของเราต่อไป
ทั้งนี้เนสท์เล่เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุม 185 ประเทศทั่วโลก พนักงานเนสท์เล่กว่า 277,000 คนต่างมีพันธสัญญาต่อเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ในการเปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับทุกคนในวันนี้และในอนาคต (Unlocking the power of food to enhance quality of life for everyone, today and for generations to come)
เนสท์เล่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงครอบคลุมในทุกช่วงวัย มากกว่า 2,000 แบรนด์ ทั้งที่เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก เช่น เนสกาแฟ เนสเปรสโซ ไมโล แม็กกี้ ตลอดจนแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบในท้องถิ่นอย่าง ตราหมี หรือมิเนเร่ บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) ปัจจุบัน เนสท์เล่ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเวเวย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์