บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล หรือ WAVE มุ่งพลิกฟื้นสร้างการเติบโต หลังไตรมาส1/2568 เผชิญกับความท้าทายและความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจ “เวฟ บีซีจี” วางกลยุทธ์เจาะลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมผู้ผลิตและส่งออก กลุ่มธุรกิจการบิน ขณะที่ผลงานไตรมาส1/2568 มีรายได้รวม 102.95 ล้านบาท เผยธุรกิจ เวฟ บีซีจี เตรียมขานรับ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ หนุนราคาใบรับรองพลังงานหมุนเวียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ถิรพงศ์ คําเรืองฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จํากัด (มหาชน)หรือ WAVE ผู้ดำเนินธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาและธุรกิจให้บริการ Climate Solution ครบวงจร เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.2568) บริษัทฯ เผชิญกับความท้าทายและความผันผวนของปัจจัยภายนอกหลายประการ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แม้ภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ จะมีเป้าหมายด้าน ESG แต่จากภาวะเศรษฐกิจผันผวน และ ความล่าช้าของ พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดการชะลอตัวในเรื่องนี้
ประกอบกับที่ผ่านมาบริษัทยังได้รับผลกระทบทางบัญชี ในการวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือ ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน( RECs) โดยในไตรมาสนี้ยังคงใช้ราคา UGT1 ตามประกาศของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาอ้างอิง แต่บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2
ทั้งนี้ จากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ของ WAVE แม้ WAVE ได้ส่งงบการเงินไตรมาส 1 แล้วนั้น กรณีข้างต้น เป็นขั้นตอนปกติที่จะให้นักลงทุนระยะเวลา 1 วันทำการ ในการพิจารณาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน โดยในวันนี้ ได้มีการปลดเครื่องหมาย SP และอนุญาตให้หลักทรัพย์ของบริษัทฯ กลับมาซื้อขายได้ตามปกติในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว
อย่างไรก็ตามแผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ มุ่งทำให้สถานการณ์กลับมาพลิกฟื้นสู่ภาวะปกติและเติบโตในอนาคต สำหรับบริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการ Climate Solution บริษัทฯ วางกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าใหม่ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
- อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งจะมีดีมานด์มาตรฐานโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากการที่สหภาพยุโรป (EU) ได้กำหนดให้ธุรกิจโรงแรมบนแพลตฟอร์มต่างๆ รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยประเทศไทยใช้มาตรฐาน Green Hotel Plus ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงแรมในประเทศไทยยังคงสามารถแข่งขันและดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าต่างประเทศได้จึงจำเป็นต้องดำเนินการรายงานผลกระทบดังกล่าว
- อุตสาหกรรมผู้ผลิตและส่งออก ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) หรือ มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน ของสหภาพยุโรป (EU) เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เหล็กกล้า อลูมิเนียม และปุ๋ย เป็นต้น
3.กลุ่มธุรกิจการบิน ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน CORSIA (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation) หรือกลไกการชดเชยและการลดคาร์บอนสำหรับการบินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการระดับโลกที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการบินระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อจำกัดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) จากกิจกรรมการบินที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเข้าสู่ภาคบังคับในปี 2570
ส่วนบริษัท เวฟ เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจการศึกษา จะเปิดขายแฟรนไชส์สถาบันสอนภาษาอังกฤษชั้นนำระดับสากล “Wall Street English” และกำลังมีแผนระบบแฟรนไชส์ของโรงเรียนสอนภาษาจีน “Let’s Mandarin” ในอนาคต เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพให้เข้าถึงผู้เรียนในวงกว้างยิ่งขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 (ม.ค.-มี.ค.2568) ทำรายได้จากการขายและให้บริการ 102.95 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากหยุดดำเนินการชั่วคราวบางส่วนเพื่อขยายธุรกิจด้านการสอนภาษาจีน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากสงครามการค้า สร้างความผันผวนต่อเศรษฐกิจ ทั้งยังมีปัจจัยจากการปล่อยวงเงินสินเชื่อเพื่อการศึกษาตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ส่วนกำไรขั้นต้นลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส1/2567 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายการขายและบริหารที่ดีขึ้นอยู่ที่ 44.66 ล้านบาท ลดลง 9% และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 8.68 ล้านบาท ลดลง 49 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอกและสร้างเสถียรภาพทางการเงินที่ดีขึ้น