อุตฯสร้างสรรค์ไทยระทึก “ทรัมป์” ​ดึงกองถ่ายกลับบ้าน แลกภาษีนำเข้า 100%

Published on

คนเสียงดังพูดเบา ๆ แค่หนึ่งครั้งก็สะเทือน

หลังจากกลับสู่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐก็ออกตัวแรง ตั้งแต่วันแรกของการรับตำแหน่ง จนมาถึงวันนี้ นโยบายทรัมป์” ได้สร้างปรากฎการณ์เขย่าโลกในหลายมิติ

ล่าสุดกับการประกาศ ที่เหมือน คำขู่” ในการวางแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้า 100% สำหรับภาพยนตร์อเมริกัน ที่สร้างในต่างประเทศ เหตุเพราะยักษ์ใหญ่ยอมไม่ได้อีกแล้ว ที่จะให้ใครหน้าไหนมาดึงผลประโยชน์ออกจากบ้านไป ในขณะที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในอเมริกากำลังอ่อนแรง ถึงขั้นระบุว่านี่คือ ภัยคุกคามของชาติ” เหตุจากการร่วมมือของหลายประเทศ ในการนำเสนอแรงจูงใจเพื่อดึงดูดกองถ่ายจากอเมริกา

สหรัฐฯ เป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ รวมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตภาพยนตร์ ทุกคนรู้จักกันดีในนามของ ภาพยนตร์ฮอลลีวูด” ซึ่งเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์อเมริกัน ที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก

และนี่คือข้อมูลที่น่าสนใจ

ประมาณการณ์ปี 2024: ตลาดภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าประมาณ 23.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรืออาจสูงถึง 37.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากรวมถึงการผลิตวิดีโอ (IBISWorld)

รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศปี 2024: รายได้รวมของบ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2024 อยู่ที่ 8.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (Box Office Mojo)

ส่วนแบ่งตลาดโลก: ภาพยนตร์อเมริกันมีส่วนแบ่งรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกอยู่ที่ 69.5% ในปี 2024 ซึ่งลดลงจากกว่า 90% ในช่วงปี 2009-2010 (Reddit)

แนวโน้มการเติบโต: แม้ว่าจะมีปัจจัยท้าทายต่างๆ แต่ตลาดภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกายังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโต โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ประกอบด้วย การเติบโตของสตรีมมิ่ง เช่น Netflix, Disney+ และ Amazon Prime Video ได้เปลี่ยนแปลงตลาด โดยนำเสนอเนื้อหาที่หลากหลายและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ซึ่งกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค, ความต้องการเนื้อหาที่หลากหลายกระตุ้นให้มีการลงทุนในการผลิตเนื้อหาที่แตกต่างกัน, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีภาพยนตร์ เช่น CGI และ VR/AR มอบประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งอาจดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้น,ความต้องการภาพยนตร์ที่ผลิตในอเมริกายังคงสูงในตลาดต่างประเทศ เป็นต้น

ประมาณการณ์การเติบโตในอนาคต:

เว็บไซต์ Research and Markets ระบุว่า ตลาดภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะเติบโตด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 4.43% ในช่วงปี 2025-2033 และมีมูลค่าประมาณ 34.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2033 (Research and Markets).ขณะที่ตลาดภาพยนตร์และบันเทิงทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตด้วย CAGR ที่ 8.1% ในช่วงปี 2024-2030 (Grand View Research)

มาตรการและแรงจูงใจจากหลายประเทศ เป็นส่วนหนึ่งที่ให้กองถ่ายจากสหรัฐฯ เลือกใช้ทำเลถ่ายทำในต่างประเทศ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากกองถ่ายอเมริกัน สร้างมูลค่ารายได้ให้กับประเทศไทยเป็นลำดับต้น ๆ มาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบันจะมีประเทศที่เข้ามาทำหนังในจำนวนที่เยอะกว่า แต่ในแง่ปริมาณยังเทียบกับสหรัฐฯไม่ได้

กลับมาดูที่ประเทศไทย การส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล และด้วยความเป็นประเทศที่พึ่งพาด้านการท่องเที่ยว จึงทำให้ไทยเป็นอีกประเทศที่มีมาตรการชัดเจนในในการดึงกองถ่ายภาพยนตร์หรือสตูดิโอจากต่างประเทศ

กรมการท่องเที่ยว (DOT) โดยกองกิจการภาพยนตร์และวิดิทัศน์ต่างประเทศ (TFO Thailand Film Office) รายงานว่า สถิติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศไทยในประเทศไทย ปี 2567 มีหนังนอกเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย 490 เรื่อง คิดเป็นรายได้ 6,415.65 ล้านบาท

ด้าน สถิติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ปี 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยปีนี้มีหนังเมืองนอกเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย 198 เรื่อง รวมรายได้ 2,065.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211.90 ล้านบาท โดยมีภาพยนตร์ต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในช่วงเดือนเมษายน 45 เรื่อง รวมรายได้ 597.96 ล้านบาท

สำหรับเนื้อหาที่ได้รับความนิยมในการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ประกอบด้วย ภาพยนตร์โฆษณา สารคดี มิวสิควิดีโอ รายการโทรทัศน์ เรียลลิตี้ / เกมโชว์ ภาพยนตร์เรื่องยาว ส่วนประเทศที่นิยมเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ประกอบด้วย จีน สหราชอาณาจักร (UK) สหรัฐอเมริกา และ อินเดีย

ปัจจุบันประเทศไทยมีมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ผ่านมาตรการต่าง ๆ อาทิ มาตรการ Incentive หรือการคืนเงิน (Cash Rebate) ซึ่งจะพิจารณาแบบขั้นบันใด ในอัตราประมาณ 20 – 30% รวมทั้งมาตรการจูงใจเพิ่มเติม 5% สำหรับการจ้างบุคลากรไทยในตำแหน่งสำคัญ 23 บทบาท ซึ่งรวมแล้วต้องได้ 30 คำแนนขึ้นไป เช่น ผู้กำกับร่วม (3 คะแนน) นักเขียนบท (3 คะแนน) นักแสดงนำ (4 คะแนน) นักแต่งเพลง (2 คะแนน) ฯลฯ

นอกจากนั้น หากภาพยนตร์ดังกล่าวสามารถสื่อสารถึง Soft Power ไทย เช่น เทศกาลงานประเพณี อาหาร เครื่องแต่งกาย ฯลฯ ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม 5% ขณะเดียวกันยังมีการส่งเสริมการกระจายรายได้และโปรโมทเมืองรอง ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์อีก 3% ซึ่งแต่ละมาตรการก็มีหลักการในการพิจารณาอย่างละเอียด สามารถศึกษาได้ในเว็บไซต์ของกรมการท่องเที่ยว

ในแต่ละปี ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของการถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ นอกจากแรงจูงใจจากภาครัฐ รวมทั้งต้นทุนการผลิตที่นับว่าคุ้มค่าแล้ว ความหลากหลายทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยได้รับเลือกจากหลาย ๆ ประเทศ

รายงานจากกรมท่องเที่ยว ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในฐานะทำเลของการถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก อาทิ การถ่ายทำซีรีส์ “The White Lotus season 3” เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2566 – สิงหาคม 2567 โดยมีโลเคชั่นถ่ายทำใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพังงา มีเงินลงทุนถ่ายทำกว่า 1,100 ล้านบาท สร้างงานให้กับทีมงานชาวไทยกว่า 300 ราย

ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวของซีรีส์ “Alien” ที่ยกกองถ่ายทำมายังเมืองไทยในหลายจังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ กระบี่ สมุทรปราการ ฯลฯ รวมระยะเวลา 123 วัน ภายใต้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีงบประมาณการลงทุนสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เป็นต้น

นั่นคือเรื่องเดิมที่เกิดขึ้น แต่หลังจากนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเก็บภาษีถึง 100% จากกองถ่ายอเมริกันที่ออกไปถ่ายทำนอกบ้าน เป็นการกระชากแรง ๆ ให้คนทำหนังต้องหันกลับ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อมองหาตลาดใหม่หรือขยายศักยภาพตลาดเดิม พร้อมตั้งแนวรับที่เป็นไปได้ว่า ยังมีเศรษฐกิจสร้างสรรค์อีกหลายกลุ่ม ที่คนตัวใหญ่อาจจะพร้อมกลับมาขยุ้มแยกเขี้ยวใส่ได้อีก

Latest articles

แห่ใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เมืองหลักเต็มจำนวน ทริปต่อไปเชิญรับสิทธิ์ “เมืองน่าเที่ยว”

โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ประชาชนใช้สิทธิ์จองที่พักเมืองหลักในโครงการเต็มจำนวน 300,000 สิทธิ์แล้ว พบผู้ใช้สิทธิ์เดินทางท่องเที่ยวภายใต้โครงการช่วงวันหยุดยาววันแม่แห่งชาติกว่า 46,000 สิทธิ์

รพ.สมิติเวช สุขุมวิท จัดงาน World Breastfeeding Week 2025 สร้างพลังแห่งนมแม่

โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล จัดกิจกรรม “World Breastfeeding Week 2025” ภายใต้แนวคิด “Prioritise Breastfeeding: Create Sustainable Support Systems” เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างยั่งยืน

การ์ทเนอร์คาดบริการสื่อสารดาวเทียม LEO ทั่วโลก แตะ 14.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี ‘69

การ์ทเนอร์ อิงค์ คาดการณ์ ในปี 2569 มูลค่าการใช้จ่ายของผู้ใช้ปลายทางสำหรับบริการสื่อสารดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit หรือ LEO) ทั่วโลก จะมีมูลค่าแตะ 14.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 24.5% จากปี 2568

Thailand BOI Approves 26.9 Billion Baht in New Investments, Including 2 Renewable Energy Projects, Tyre Steel and Pet Food Manufacturing

Thailand BOI Approves 26.9 Billion Baht in New Investments, Including 2 Renewable Energy Projects, Tyre Steel and Pet Food Manufacturing

More like this