เหตุผลที่ต้องทบทวน นโยบายฟรีวีซ่าไทย

Published on

จากคลิปนักเที่ยวทำลายทรัพย์สินในร้านสะดวกซื้อที่พัทยา และหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก่อให้เกิดกระแสเรียกร้องให้มีการทบทวนนโยบายฟรีวีซ่าของไทย ที่ดำเนินมากว่า 2 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความเป็นจริงด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งนโยบายนี้มีผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม

“เดอะ บาลานซ์ “ได้รวบรวมข้อเรียกกร้องให้ทบทวนนโยบายฟรีวีซ่า ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวจากหลายประเทศเข้าไทยโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า ถือเป็นนโยบายที่สร้างประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีเหตุผลสำคัญหลายประการที่ภาครัฐควรพิจารณาทบทวนนโยบายดังกล่าว ดังนี้

  1. การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมข้ามชาติและแรงงานผิดกฎหมาย

นโยบายฟรีวีซ่าเปิดช่องให้เกิดการลักลอบเข้าเมืองและอาชญากรรมข้ามชาติมากขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า มีการจับกุมชาวต่างชาติที่ประกอบอาชญากรรมในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 35% หลังจากเริ่มใช้นโยบายฟรีวีซ่า โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน และการเปิดบ่อนการพนันออนไลน์

นอกจากนี้ ยังพบการแอบแฝงเข้ามาทำงานผิดกฎหมายในรูปแบบนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสถานบันเทิง ซึ่งส่งผลกระทบต่อแรงงานท้องถิ่นและความมั่นคงของประเทศ

  1. ความสูญเสียรายได้ของรัฐจากค่าธรรมเนียมวีซ่า

การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จำนวนมาก ประมาณการว่าหากเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยในปี 2567 ประมาณ 30 ล้านคน ที่อัตราค่าธรรมเนียมเฉลี่ย 1,000 บาทต่อคน จะสร้างรายได้ให้รัฐบาลประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี

เงินจำนวนนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว การอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว และการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  1. ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติหลายแห่งต้องรองรับนักท่องเที่ยวเกินขีดความสามารถ (Over Tourism) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) รายงานว่า แหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น เกาะพีพี เกาะเสม็ด อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และดอยอินทนนท์ กำลังเผชิญกับปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศอย่างรุนแรง

การเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าสามารถเป็นเครื่องมือหนึ่งในการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวและนำรายได้ส่วนหนึ่งไปใช้ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้

  1. คุณภาพของนักท่องเที่ยวไม่สอดคล้องกับเป้าหมายการท่องเที่ยวคุณภาพ

นโยบายฟรีวีซ่าดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณจำกัด ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวคุณภาพ (Quality Tourism) ที่รัฐบาลพยายามผลักดัน ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2567 จะเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนกลับลดลงประมาณ 15% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการใช้นโยบายฟรีวีซ่า

การเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าในอัตราที่เหมาะสมจะช่วยคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว

  1. ความไม่สมดุลในการปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ

ในขณะที่ไทยเปิดให้นักท่องเที่ยวจากหลายประเทศเข้าโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า แต่คนไทยที่เดินทางไปประเทศเหล่านั้นยังคงต้องเสียค่าธรรมเนียมวีซ่าในอัตราที่สูง หลักการทูตของความต่างตอบแทน (Reciprocity) ถือเป็นแนวปฏิบัติสากลในการกำหนดนโยบายวีซ่าระหว่างประเทศ

การทบทวนนโยบายฟรีวีซ่าโดยพิจารณาหลักความต่างตอบแทนจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองของไทยในการเจรจาให้ประเทศอื่นลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับคนไทยได้มากขึ้น

การทบทวนนโยบายฟรีวีซ่าไม่จำเป็นต้องหมายถึงการยกเลิกทั้งหมด แต่ควรพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม เช่น การเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าแบบมีเงื่อนไข

  • เก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าในอัตราที่เหมาะสม และคืนเงินเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางออกจากประเทศตามกำหนด นโยบายตามฤดูกาล
  • ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเฉพาะในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season) เพื่อกระจายจำนวนนักท่องเที่ยวให้สมดุลตลอดทั้งปี
  • การเลือกประเทศเป้าหมาย – ให้สิทธิพิเศษเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีประวัติสร้างปัญหาน้อย และมีแนวโน้มใช้จ่ายสูง
  • การนำรายได้กลับมาพัฒนาการท่องเที่ยว – จัดตั้งกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยวจากรายได้ค่าธรรมเนียมวีซ่า เพื่อใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและยกระดับบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย
  • การปรับใช้เทคโนโลยี – พัฒนาระบบ e-Visa ที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดขั้นตอนยุ่งยากในการขอวีซ่า แม้จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม

การทบทวนนโยบายฟรีวีซ่าอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงผลกระทบในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง จะช่วยให้ไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและสร้างดุลยภาพระหว่างปริมาณและคุณภาพนักท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสม

Latest articles

Deloitte report: Thailand’s ESG regulations and policies facilitate sustainable finance innovation

According to Deloitte’s latest report, organisations in Thailand should strengthen ESG data collection and reporting systems, as well as expand partnerships across their value chains, given that sustainable finance is fast becoming a critical lever for market development.

รายงาน ดีลอยท์ เผยมาตรการ ESG หนุนการเงินเติบโตยั่งยืน

รายงานล่าสุดของดีลอยท์ ระบุว่าองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยสามารถดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบการเก็บรวบรวมและรายงานข้อมูล ESG

โอซีซี เปิดตัว Deep Layer ExV ฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก ด้วยเทคโนโลยีความงามจากญี่ปุ่น

b-ex Thailand (บีเอ็กซ์ ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมระดับพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น ในเครือ บมจ.โอซีซี เปิดตัว Deep Layer สูตร ExV (Extra Velvety) ใหม่ล่าสุด

สัมผัสความละมุนจากเนื้อวากิว ทุกคืนวันศุกร์ ณ ห้องอาหารเวนติซี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ

ห้องอาหารเวนติซี ชั้น 24 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ ขอเชิญร่วมเปิดประสบการณ์ลิ้มรสชาติเนื้อวากิวคุณภาพพรีเมียมแสนอร่อยละมุนลิ้นในทุกคำที่ได้ลิ้มลอง ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกสรรนำเนื้อส่วนต่าง ๆ มาให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง

More like this