สภาทองคำโลกเผยแนวโน้มทองคำปี 2568

Published on

สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) ได้เผยแพร่ผลการวิเคราะห์แนวโน้มของทองคำสำหรับปี 2568 โดยเน้นว่าอัตราดอกเบี้ย ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนปริมาณความต้องการทองคำในปี 2568 ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทองคำได้แสดงผลตอบแทนที่โดดเด่นในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตรายปีสูงที่สุดในรอบ 24 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความต้องการทองคำผู้บริโภค (Consumer Gold Demand) แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนสำหรับปี 2567

ทองคำมีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 25.5% สูงกว่าสินทรัพย์หลักประเภทอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากบทบาทของทองคำในการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยตลอดทั้งปีราคาทองคำจากสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอนที่ทำการซื้อขายช่วงบ่าย (​LBMA Gold Price PM) ได้ทำสถิติแตะระดับสูงสุดใหม่ถึง 40 ครั้ง โดยราคาสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ของทองคำครั้งล่าสุดนั้นอยู่ที่ 2,777.80ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา

เซาไก ฟาน (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าธนาคารกลางระดับโลกของสภาทองคำโลก ให้ความเห็นว่า “การซื้อทองคำของธนาคารกลางและนักลงทุนได้ช่วยชดเชยการชะลอตัวของความต้องการภาคผู้บริโภคได้เป็นอย่างมาก นักลงทุนจากภูมิภาคเอเชียนั้นยังคงมีบทบาทอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนที่ลดลงและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 3 ของปี 2567 ได้กระตุ้นกระแสการลงทุนจากฝั่งตะวันตก อย่างไรก็ตามบทบาทของทองคำในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงท่ามกลางความผันผวนของตลาดและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์นั้นน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยอธิบายถึงผลการประกอบการที่น่าทึ่งนี้” 

ตลาดโดยรวมคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวภายในกรอบจำกัด สำหรับปี 2568

สภาทองคำโลกได้เปิดเผยว่า ความเห็นของตลาดโดยรวมนั้นคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมเป็น 1.00% ภายในสิ้นปี 2568 โดยที่เงินเฟ้อจะชะลอตัวลงแต่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมาย ด้านธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับใกล้เคียงกันเช่นกัน สถานการณ์นี้อาจบ่งชี้ว่าผลการประกอบการของทองคำจะอยู่ในระดับปานกลางสำหรับปีนี้ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามากระตุ้นในช่วงระหว่างปีนี้ได้ ทั้งนี้ การดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อาจสร้างแรงกระตุ้นให้กับเศรษฐกิจในประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันก็สร้างความวิตกกังวลในระดับหนึ่งให้กับนักลงทุนทั่วโลกเช่นกัน

ภายใต้บริบทนี้ การดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐและความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ ฯ ก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทองคำ แต่อย่างไรก็ดีช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าปัจจัยเหล่านี้ไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่กำหนดผลการดำเนินงานของทองคำ โดยสภาทองคำโลกได้ใช้กรอบแนวทางการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทุกปัจจัยและภาคส่วนที่ผลักดันอุปสงค์และอุปทานของทองคำ จากการวิเคราะห์บนพื้นฐานของ QaurumSM สภาทองคำโลกเชื่อว่าหากเศรษฐกิจโลกเป็นไปตามการคาดการณ์ในปี 2568 ทองคำอาจมีการซื้อขายภายในกรอบที่ใกล้เคียงกับช่วงปลายปีที่ผ่านมา และอาจมีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ในบางสถานการณ์ 

ความต้องการทองคำผู้บริโภคในประเทศไทยได้พุ่งสูงขึ้นในปี 2567

สภาทองคำโลกยังได้กล่าวถึงความต้องการทองคำผู้บริโภคของประเทศไทยในปี 2567 ที่มีความแข็งแกร่งและโดดเด่นอย่างน่าสนใจเป็นพิเศษ โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ที่คนไทยเลือกและลงทุน ในช่วงที่เศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศมีความไม่แน่นอน

คุณเซาไก ฟาน กล่าวเสริมว่า “เราพบว่านักลงทุนไทยได้มองทองคำเป็นทั้งเครื่องมือรักษามูลค่าของทุนและการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำของประเทศไทยยังคงมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แม้ว่าในระดับโลกความต้องการจะลดลง 9% แต่ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำของผู้บริโภคไทยกลับสวนทางและเพิ่มขึ้นถึง 15% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นผู้ซื้อทองคำแท่งและเหรียญทองคำรายใหญ่ที่สุดของกลุ่มประเทศอาเซียนสำหรับไตรมาสดังกล่าวอีกด้วย” 

เงินเฟ้อและความเสี่ยงต่าง ๆ อาจช่วยกระตุ้นความต้องการทองคำให้สูงขึ้น

นโยบายการคลังที่เป็นมิตรกับธุรกิจมากขึ้น ผสานกับแนวทาง “America First” ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นมีแนวโน้มที่จะช่วยปรับปรุงความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนและผู้บริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการลงทุนที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น(Risk-On) ในช่วงเดือนแรก ๆ ของปี อย่างไรก็ตาม คำถามที่สำคัญคือนโยบายเหล่านี้จะนำไปสู่แรงกดดันต่อเงินเฟ้อและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานหรือไม่

นอกจากนี้ความกังวลต่อเรื่องหนี้สาธารณะในยุโรปก็ได้กลับมาสร้างความกดดันอีกครั้ง ไม่นับว่าความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ในประเทศเกาหลีใต้และซีเรียเมื่อเดือนธันวาคม 2567 สภาทองคำโลกเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้อาจกระตุ้นให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยง เช่น ทองคำ เพื่อเป็นเครื่องมือในการตอบรับกับสภาวะการณ์ดังกล่าว

ธนาคารกลางยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง

ธนาคารกลางนั้นเป็นผู้ซื้อสุทธิมายาวนานเกือบ 15 ปีติดต่อกัน[1] และถึงแม้ว่าความต้องการทองคำจากธนาคารกลางในปีนี้อาจต่ำกว่าสถิติปีในที่ผ่านมา แต่สภาทองคำโลกมองว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกิดตอบแทนของทองคำได้ในระดับประมาณ 7-10%[2]

นอกจากนี้ธนาคารกลางจะยังคงเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่สำคัญต่อทิศทางของทองคำต่อไป ซึ่งการซื้อทองคำของธนาคารกลางนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายและยากที่จะคาดการณ์เป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามการสำรวจและวิเคราะห์ของสภาทองคำโลกได้ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มปัจจุบันจะยังคงอยู่ในทิศทางเดิม และคาดการณ์ว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางระยะยาวโดยประมาณจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า500 ตัน และจะยังคงส่งผลกระทบสุทธิเชิงบวกต่อผลตอบแทนทองคำ ทั้งนี้สภาทองคำโลกมองว่าความต้องการของธนาคารกลางในปี2568 อาจสูงกว่าระดับดังกล่าวได้ แต่ในทางกลับกันหากลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์สภาวะนี้อาจเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดทองคำได้เช่นกัน

บทสรุปภาพรวมของทองคำในปี 2568

การวิเคราะห์ของสภาทองคำโลกซึ่งอ้างอิงจากโมเดลของ QaurumSM ระบุว่า หากความคาดหวังของตลาดในปัจจุบันนั้นถูกต้อง ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบไม่กว้างมาก (Rangebound) อย่างไรก็ตามการผสานระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อนักลงทุนและผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย

ในทางกลับกันหากอัตราดอกเบี้ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และหากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์หรือสภาวะตลาดเป็นไปในทิศทางที่ทรุดตัวลงกว่าเดิม ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ผลการดำเนินงานของทองคำปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางซึ่งยังคงแข็งแกร่งจะช่วยสนับสนุนตลาดทองคำต่อไป ท้ายที่สุดแล้วราคาทองคำนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยขับเคลื่อนหลัก 4 ประการ ได้แก่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงต่าง ๆ  ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการลงทุน และแรงผลักดันของแนวโน้มจากทิศทางตลาด

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this