อย่ากลัวการผ่าตัด! การผ่าตัดกระดูกสันหลังไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

Published on

ปวดหลังร้าวลงขา อาการเหล่านี้ไม่ใช่แค่การปวดเมื่อยเพียงเพราะนั่งทำงานนานๆ หรือยกของหนัก แต่นั่นเป็นสัญญาณของเส้นประสาทที่มีปัญหาซึ่งอาจกำลังเผชิญกับความผิดปกติ และการผ่าตัด คือแนวทางการรักษาที่นับว่าให้ผลลัพธ์ดีที่สุด และหยุดกังวลเรื่องการผ่าตัดกระดูกสันหลัง เพราะที่เอส สไปน์ มีเทคโนโลยีที่จะทำให้การผ่าตัดกระดูกสันหลังไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไป

นพ.พร นริศชาติ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ เผยว่าการรักษาโรคกระดูกสันหลังมีหลายวิธีตั้งแต่การทานยา กายภาพบำบัด ไปจนถึงการผ่าตัด ที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ จะวิเคราะห์อาการของผู้ป่วยก่อนเสมอโดยใช้เทคโนโลยี การเอกซเรย์ร่วมกับการทำเอ็มอาร์ไอ จึงทำให้ผลของการวิเคราะห์รอยโรคมีความแม่นยำ และนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุด โดยปัจจุบันโรงพยาบาลเอส สไปน์ เป็นศูนย์ให้บริการตรวจสแกนร่างกายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูง โดยเฉพาะเครื่อง MRI แบบยืนซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ที่สามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ

ปัจจุบันโรงพยาบาลเอส สไปน์ ใช้การรักษาแบบ Minimally Invasive Spine Surgery หรือ MIS Spine แบบครบวงจร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังและกลัวการผ่าตัด ทำให้การผ่าตัดแผลใหญ่กลายเป็นแผลเล็ก แต่ได้ผลการรักษาที่เท่ากัน ผู้ป่วยเสียเลือดน้อย ความเจ็บปวดหลังการรักษาลดลง จากเดิมที่ผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาลประมาณ 1 สัปดาห์ หรือบางรายอาจต้องนอนนาน 1-2 เดือน แต่เมื่อมารักษาด้วยวิธี MIS Spine จะทำให้ผู้ป่วยนอนพักที่โรงพยาบาลเพียง 1 คืนเท่านั้น

นพ.พร นริศชาติ

เมื่อย้อนเวลากลับไปในยุคที่เครื่องมือในการผ่าตัดยังไม่ถูกพัฒนาเหมือนในปัจจุบัน การรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังในแต่ละครั้งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เนื่องจากยังไม่มีเครื่องเอกซเรย์ ไม่มีกล้องผ่าตัดที่มีกำลังขยายสูง ไม่มีไฟที่ใช้ส่องในการผ่าตัดที่เหมาะสม และศัลยแพทย์ที่ถูกฝึกฝนมาเฉพาะทางยังมีไม่มาก จึงเป็นสาเหตุที่แพทย์จำเป็นต้องเปิดแผลตามขนาดของจำนวนข้อกระดูกสันหลังที่มีปัญหา ทำให้เกิดผลข้างเคียงขณะทำการผ่าตัดและหลังทำการผ่าตัด จึงเป็นเหตุให้ผู้ป่วยหรือญาติรู้สึกกลัวที่จะต้องรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังด้วยวิธีการผ่าตัด แต่ในปัจจุบันวิวัฒนาการของเทคโนโลยีการผ่าตัดกระดูกสันหลังได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเทคนิคการผ่าตัดที่มุ่งเน้นไปยังรอยโรคของผู้ป่วย ทำให้การเสียเลือด การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และการบาดเจ็บหลังการผ่าตัดน้อยกว่าแบบเดิมหลายเท่า อีกทั้งระยะเวลาในการนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลก็สั้นกว่า ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง Microscope ที่มีกำลังขยายสูง ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลงเหลือ 3-5 เซนติเมตร และมีความปลอดภัยมากขึ้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 3-4 วัน ซึ่งในผู้ป่วยที่มีความแข็งแรงของร่างกายน้อย หรือผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ จำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อให้กล้ามเนื้อกลับมาใช้งานได้อย่างปกติ

แต่ด้วยการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้อง Endoscope หรือ การเจาะรูส่องกล้อง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่โดยที่เลนส์ของกล้องเอ็นโดสโคปจะติดอยู่ที่ปลายของอุปกรณ์ ซึ่งเปรียบเสมือนดวงตาของแพทย์ที่สามารถเข้าไปอยู่ในร่างกายของผู้ป่วย ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นตำแหน่งของรอยโรคได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น การเจาะรูส่องกล้องสามารถเลือกตัดเฉพาะส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาได้โดยไม่ต้องตัดเลาะกล้ามเนื้อส่วนที่ดีออก แต่ได้ผลการรักษาดีเทียบเท่ากับการผ่าตัดใหญ่ และข้อดีของการเจาะรูส่องกล้อง คือแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลงเหลือเพียง 0.5 ซม.ทำให้ผู้ป่วยนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียงแค่ 1 คืนเท่านั้น หลังจากทำการรักษาก็สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและไม่จำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดให้เสียเวลา

ทั้งนี้ นพ.พร ยกตัวอย่างเคสชาวต่างชาติที่มีช่องไขสันหลังตีบแคบอยู่ 3 ระดับ ซึ่งดูแล้วก็น่าจะต้องรักษาทั้งหมด ถ้าไปที่อื่นคงแนะนำผ่าตัดแผลใหญ่หรือว่าแผลเล็ก แต่ว่าต้องใส่เหล็ก พอเราดูแล้วข้อกระดูกสันหลังของเขาไม่ได้เคลื่อนมาก และผู้ป่วยไม่ได้ปวดหลังเป็นอาการหลักที่จำเป็นจะต้องใส่เหล็กจริงๆ จึงแนะนำให้รักษาด้วยการส่องกล้องขยายโพรงเส้นประสาท เพราะว่าปัญหาที่พบคือช่องไขสันหลังตีบแคบทับเส้นประสาท ทำให้ผู้ป่วยรายนี้มีอาการขาชา และไม่สามารถเดินได้ไกล ส่งผลกระทบต่อการเดินเป็นอย่างมาก

ขนาดแผลผ่าตัดด้วยเทคนิค PSLD

” เราก็เลยแนะนำให้ขยายโพรง 3 ตำแหน่งแล้วอาการจะได้ดีขึ้น ซึ่งแน่นอนมันยากกว่า 1 ระดับและต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังการผ่าตัดวันรุ่งขึ้นตอนเปิดห้องเข้าไปพบผู้ป่วยรายบนี้ เขาเดินยิ้มเข้ามากอดเรา และบอกว่าเขารู้สึกมีความสุขที่ได้กลับมาเดินได้อีกครั้ง อาการปวดร้าวลงขาของเขาหายไปแล้ว เขาเดินได้เป็นปกติและรู้สึกว่าเค้าเป็นปกติแล้ว ซึ่งต่างจากครั้งแรกที่เจอ เขานั่งรถเข็นมา แล้วบอกว่าเขาเดินไม่ค่อยไหว เดินได้สัก 30 เมตรก็ต้องหยุดพักแล้ว เพราะว่าการเดินเป็นการกระตุ้นทำให้เส้นประสาทเป็นมากขึ้นครับ”

อย่างไรก็ตามการทำงานเป็นทีมสำคัญมาก และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ เครื่องมือในการรักษาและทีมงานในการผ่าตัดซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผมมั่นใจในเครื่องมือการผ่าตัดของโรงพยาบาลเอส สไปน์ เพราะเป็นโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในเรื่องของการผ่าตัด MIS Spine แบบครบวงจร โดยเฉพาะกล้องเอ็นโดสโคป ถ้าเครื่องมือไม่ดีหรือไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสม แพทย์ก็ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ

นพ.พร ทิ้งท้ายว่า การผ่าตัดไม่ได้เป็นเรื่องสนุก ถ้ามีความจำเป็นต้องทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด และเราเพิกเฉยหรือปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เส้นประสาทชำรุด การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากหรือผลการรักษาก็จะไม่ได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นถ้ารู้สึกว่าการใช้ชีวิตของเราเริ่มไม่ปกติ และมีข้อบ่งชี้หนึ่งที่ควรจะต้องได้รับการผ่าตัด การเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงต่อผลแทรกซ้อนได้อย่างมาก

สำหรับโรงพยาบาลเอส สไปน์ ถือเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งเดียวและแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีจุดแข็งที่เด่นชัด คือ การมีทีมแพทย์และพยาบาลเฉพาะทาง โรคปวดหลังที่เกิดจากกระดูกสันหลังและระบบประสาทโดยเฉพาะ ทำให้รู้ลึก รู้จริง สามารถรักษาได้อย่างตรงจุด ประกอบกับการนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่จากทั่วโลกเข้ามาช่วยในการรักษา ตอบโจทย์ผู้ป่วยที่มีเวลาน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว ไม่ทรมานเหมาะกับผู้ป่วยที่กลัวการผ่าตัด

Latest articles

LPP ยืนยันกว่า 260 โครงการปลอดภัย หลังเหตุแผ่นดินไหว นอกชายฝั่งเมียนมา

บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 5.4 แมกนิจูด บริเวณนอกชายฝั่งประเทศเมียนมาล่าสุด แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ถึงพื้นที่ใกล้เคียง และอาคารสูงบางแห่งในกรุงเทพมหานคร LPP จึงได้เร่งดำเนินการตรวจสอบสภาพอาคารเบื้องต้นในทุกโครงการที่บริหารจัดการทันที ตามมาตรการดูแลความปลอดภัยที่ LPP กำหนดไว้จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

เนสท์เล่ เดินหน้าขับเคลื่อนการกินอยู่อย่างสมดุล ส่งแคมเปญชวนคนไทย “กินได้ กินดี”

บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด สานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการกินอยู่อย่างสมดุล ผ่านแคมเปญสื่อสารครบวงจร “กินได้ กินดี อร่อยและบาลานซ์ แข็งแรงอย่างยั่งยืน” จุดประกายให้คนไทยบาลานซ์การกิน ให้ตอบโจทย์ทั้งความสุขกับอาหารที่ชอบและประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค...

ชวนเวิร์กช็อป The Marbling Art: การเดินทางของสีและสายน้ำ โดย เมธาสิทธิ์ บุญเอกบุศย์

TCDC ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อป The Marbling Art โดย เมธาสิทธิ์ บุญเอกบุศย์ (Metasit Bunaikbuth) ศิลปินภาพพิมพ์ร่วมสมัยซึ่งเชี่ยวชาญในศาสตร์ Marbling Art

แปรงเก่าสะสมเชื้อโรค! ไลอ้อน จุดกระแส “เปลี่ยนแปรงให้เร็วขึ้น” ไม่ต้องรอ 3 เดือน

Systema ตอกย้ำบทบาทผู้นำนวัตกรรมแปรงสีฟัน ด้วยแคมเปญ “เปลี่ยนแปรงให้เร็วขึ้น” ไม่ต้องรอครบ 3 เดือน ชูความเสี่ยงของแปรงเก่าต่อสุขภาพช่องปาก

More like this