บีไอจี จับมือ ราช กรุ๊ป ศึกษาและพัฒนากรีนไฮโดรเจนจากพลังงานหมุนเวียน

Published on

บีไอจี และ ราช กรุ๊ป ลงนามความร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตกรีนไฮโดรเจนจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการพลังงานสะอาดของภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่งและการผลิตไฟฟ้าในอนาคต เพื่อไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ รวมทั้งการสร้างสรรค์สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต

นิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นความเป็นพันธมิตรของราชกรุ๊ป กับบีไอจี เพื่อนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันพัฒนาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากพลังงานทดแทนและโอกาสทางธุรกิจ บริษัทฯ ถือเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งสามารถนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านไฟฟ้ามาคิดค้นวิธีการและรูปแบบในการนำไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมาผลิตกรีนไฮโดรเจน อีกทั้งยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่สามารถนำมาสนับสนุนได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“โครงการนี้ ถือเป็นก้าวแรกของบริษัทฯ ที่จะเข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าโดยสามารถขยายธุรกิจไปยังฐานผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนของบริษัทฯ โดยเฉพาะออสเตรเลีย อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะสร้างมูลค่าให้กับบริษัทฯ ในอนาคตระยะยาว เพราะกรีนไฮโดรเจน ถือเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคตที่ความต้องการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ธุรกิจเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ยังตอบสนองแผนการลดก๊าซเรือนกระจก และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี 2050 เช่นกัน” นิทัศน์ กล่าว

ปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวว่า บีไอจีเดินหน้าในการนำนวัตกรรมจากไฮโดรเจนที่บีไอจีและแอร์โปรดักส์ บริษัทแม่ของบีไอจีจากประเทศสหรัฐฯ มีความชำนาญและเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจนรายใหญ่ที่สุดของโลก ในโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจน Neom ประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่มีกำลังการผลิตกรีนไฮโดรเจนกว่า 600 ตันต่อวัน และต่อยอดการลงทุนในการผลิตไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำในการพัฒนาศูนย์กลางไฮโดรเจนระดับภูมิภาค 7 แห่ง (Hydrogen 7 Hubs) ของประเทศสหรัฐฯ มุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนในระดับสากล มีกลยุทธ์ Generating A Cleaner Future ร่วมกับทุกภาคส่วน

บีไอจีตระหนักถึงการใช้พลังงานสะอาดเพื่อร่วมผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ในประเทศไทยด้วยการผลักดันการผลิตและการใช้ประโยชน์จากพลังงานไฮโดรเจนซึ่งเป็นหนึ่งใน Climate Technology เพื่อเป็นแรงสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการร่วมมือศึกษาธุรกิจและพัฒนาการผลิตกรีนไฮโดรเจนจากพลังงานหมุนเวียน (Renewal Energy) โดยมีแหล่งพลังงานที่หลากหลาย

อาทิ พลังงานน้ำ (Hydropower) พลังงานลมและพลังงานแสงแดดจากสปป. ลาว รวมถึงพลังงานลมและพลังงานแสงแดดจากแผงโซล่าเซลล์ในประเทศออสเตรเลียนี้ กรีนไฮโดรเจนที่ได้จะถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมและประเทศบรรลุเป้าหมาย NDC Plan 2573 ได้สำเร็จ การใช้กรีนไฮโดรเจนนี้ยังช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรมในการแข่งขันในตลาดโลกจากมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ด้วย

Latest articles

ECONMASS จัดอบรม “PERSONA CONFIDENCE By WACOAL X COVERMARK” ให้สมาชิกฯ

สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกับ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) และ คัฟเวอร์มาร์ค (COVERMARK) จัดกิจกรรมอบรม “PERSONA CONFIDENCE By WACOAL X COVERMARK” ให้แก่สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ

“Lamborghini Fenomeno” เปิดตัว ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ลิมิเต็ดอิดิชั่น 29 คันทั่วโลก

ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) ภูมิใจเสนอ “Fenomeno” สุดยอดซูเปอร์สปอร์ตคาร์ ลิมิเต็ดอิดิชั่นรุ่นล่าสุด ที่ผลิตจำกัดเพียง 29 คันทั่วโลก และมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของลัมโบร์กินี เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่มหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ Monterey Car Week 2025

ผลการศึกษาของ ABB ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว

เอบีบี เผยผลสำรวจดัชนีความพร้อมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2025 พบว่าไทยมีความพร้อมและมีบทบาทเป็นผู้นำอย่างชัดเจน ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก เห็นได้จากผู้นำด้านการใช้พลังงานที่ตอบแบบสำรวจมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะแผนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของตนยังคงเดินหน้า แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก เป็นสัญญาณที่แสดงถึงเสถียรภาพของกลยุทธ์ด้านนี้อย่างชัดเจน

BLC นำทัพสมุนไพรนวัตกรรม “ไพลวาน่า” โชว์ศักยภาพในงาน World Expo 2025

‘บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC’ โชว์ศักยภาพสมุนไพรไทยสู่สากลในงาน World Expo 2025 ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ชูผลิตภัณฑ์เรือธง Thai Inno-Herbal แบรนด์ “ไพลวาน่า” ครีมสมุนไพรที่พัฒนาจากเหง้าไพล ด้วยการบูรณาการภูมิปัญญาไทยสู่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์

More like this