TCELS ร่วมเดินหน้าถอดบทเรียนการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ยกระดับระบบประกันสุขภาพ

Published on

TCELS ร่วมถอดบทเรียนจากผลการดำเนินงานพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ (ปี พ.ศ. 2565-2566) พัฒนาระบบการคัดเลือกยาในบัญชียาหลักแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพและทันการณ์ ตั้งรับภาวะโรคระบาด อุดช่องโหว่ภาวะขาดแคลนชั่วคราว มุ่งเป้ายาที่ต้องใช้เร่งด่วน ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน หนุนการเข้าถึงยาจำเป็นได้อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม เสริมความแข็งแกร่งให้ระบบประกันสุขภาพของประเทศไทย ย้ำหลักการ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ องค์การมหาชน (TCELS) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ถอดบทเรียนจากผลการดำเนินงานพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ” ระยะต้น (ปี พ.ศ. 2565-2566) เพื่อพัฒนาระบบการคัดเลือกยาในบัญชียาหลักแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพและทันการณ์ (NLEM moving forward 2024) ระหว่างวันที่ 15 – 17 มกราคม 2567 ณ โรงแรม ณ ทรีธารา ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

ดร.จิตติ์พร ธรรมจินดา ผู้อำนวยการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเซลส์ (TCELS: Thailand Center of Excellence for Life Sciences) เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีบัญชียาหลักแห่งชาติมากว่า 40 ปี ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติชุดปัจจุบัน (รอบปี พ.ศ. 2565-2567) ได้ดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกยาในบัญชียาหลักแห่งชาติให้มีความเหมาะสม ทันสมัย สอดคล้องกับความจำเป็นในปัจจุบัน และความก้าวหน้าทางวิทยาการ ภายใต้ปรัชญา หลักการ และเกณฑ์ที่กำหนดขึ้น โดยมีเป้าประสงค์เพื่อสร้างเสริมระบบการใช้ยาอย่างสมเหตุผล สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง

โดยคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้มีการตัดสินใจเพิ่มกลไกการพิจารณายาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนขึ้นเป็นครั้งแรก และกลไกดังกล่าวได้มีการดำเนินการคู่ขนานกับกระบวนการพิจารณายาแบบขั้นตอนปกติ แต่มุ่งเน้นความรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการถาโถมของปัญหาในระบบสุขภาพ อาทิ โรคระบาด ภาวะขาดแคลนชั่วคราวของยาจำเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังคงไว้ซึ่งการพิจารณาบนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ทางการแพทย์ ที่สนับสนุนด้านประสิทธิผล ประสิทธิศักย์ ความปลอดภัย และคุณภาพ ผ่านกระบวนการที่มีความโปร่งใส เป็นธรรม และเหมาะสมกับบริบทของระบบสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจของประเทศไทยเพื่อให้เกิดการเข้าถึงยาจำเป็นสำหรับผู้ป่วย ตามมาตรฐานและทันการณ์ให้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเสมอภาค เป็นธรรม และเท่าเทียม สอดคล้องตามหลักการ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ซึ่งตลอดระยะเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นระยะต้นที่คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ และคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้ดำเนินการตัดสินใจด้านยา ทั้งกรณียาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและกรณีปกติ มากกว่า 100 รายการ ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นหลายรายการ อาทิ ยาสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง ยาชีววัตถุสำหรับโรครูมาตอยด์ ( Rheumatoid Arthritis) ยาชีววัตถุสำหรับโรคโครห์น (Crohn’s disease) อีกทั้ง การมียาจำเป็นบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติที่ผ่านกลไกการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและการต่อรองราคา ยังช่วยประหยัดภาระงบประมาณค่ายาของภาครัฐอีกด้วย

อย่างไรก็ดี การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติและคณะทำงานภายใต้การแต่งตั้งของคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องเพื่อพิจารณารายการยาจากข้อมูลหลักฐานทางวิชาการด้านความปลอดภัย ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าอย่างเหมาะสม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกระบวนการถอดบทเรียนจากผลการดำเนินงานพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ระยะต้น (ปี พ.ศ. 2565-2566) เพื่อพัฒนาระบบการคัดเลือกยาในบัญชียาหลักแห่งชาติในระยะท้าย (ปี พ.ศ. 2566-2567) ให้มีประสิทธิภาพและทันการณ์เพื่อพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติให้บรรลุวัตถุประสงค์ อันก่อเกิดประโยชน์ต่อระบบสุขภาพองค์รวมของประเทศได้อย่างทันท่วงที

ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติในรอบการพิจารณาปี พ.ศ. 2565-2567 มีการพัฒนาในเชิงระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่มีกระแสความท้าทายอย่างต่อเนื่อง กองนโยบายแห่งชาติด้านยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงเห็นสมควรให้มีการจัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ถอดบทเรียนจากผลการดำเนินงานพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ระยะต้น (ปี พ.ศ. 2565-2566) เพื่อพัฒนาระบบการคัดเลือกยาในบัญชียาหลักแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพและทันการณ์

การประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ถอดบทเรียนจากผลการดำเนินงานพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ” มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนระบบการคัดเลือกบัญชียาหลักแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพและทันการณ์ 2) เพื่อประเมินผล วิเคราะห์ ถอดบทเรียน และสรุปผลการดำเนินงานพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติระยะต้น (ปี พ.ศ.2565-2566) โดยเฉพาะกลุ่มยาที่จัดเป็นยาที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ยา/กลุ่มโรคที่เป็นนโยบายของรัฐบาลให้ความสำคัญ และกลุ่มยาราคาแพง และ 3) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบการคัดเลือกยาและพัฒนาการจัดการข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในการพิจารณาการคัดเลือกบัญชียาหลักแห่งชาติให้เป็นระบบ

“การประชุมถอดบทเรียนจากผลการดำเนินงานพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ จะช่วยสนับสนุนให้บัญชียาหลักแห่งชาติมีการพัฒนา ปรับปรุงขั้นตอนการทำงานให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นได้อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม โดยสามารถเข้าถึงยาจำเป็นในระบบประกันสุขภาพอย่างสมเหตุผลได้เพิ่มขึ้นทั้งในสถานกรณ์ปกติและภาวะขาดแคลนชั่วคราวของยาจำเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉิน อันส่งผลให้ประชาชนไทยมีสุขภาวะที่ดีขึ้นจนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม” ดร.จิตติ์พร กล่าวในตอนท้าย

“TCELS มุ่งขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ “อุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในสิบอุตสาหกรรมหลักที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนและสิ่งแวดล้อม “TCELS MAKE EVERY LIFE BETTER” ศึกษารายละเอียดและบริการของ TCELS ได้ที่ www.tcels.or.th Facebook: TCELS THAILAND”

Latest articles

ขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อยในกล่องสุดหรูแบบร่วมสมัยที่โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

เฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ด้วยขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับโดยเชฟชาวฮ่องกงบรรจุในกล่องสวยดีไซน์ร่วมสมัย จากโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ (InterContinental Bangkok) พร้อมจำหน่ายให้เลือกสรรที่ห้องอาหาร ซัมเมอร์ พาเลซ (Summer Palace) และร้านขนม บัตเตอร์ (Butter) ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ถึง 6 ตุลาคม 2568

HOKA บุกเจริญกรุง!ปักหมุด Culture Hub กลางตึกเก่าร้อยปี

HOKA สร้างปรากฏการณ์ใหม่กลางเจริญกรุง ด้วยการเนรมิตพื้นที่ ‘Sarnies & Friends Café’ ภายในตึกเก่าร้อยปี ‘The Corner House’ ให้กลายเป็น ‘Culture Hub’ คอมมูนิตี้ที่ผสมความสนุกจากโลกกีฬา ศิลปะ และวัฒนธรรมอย่างลงตัว ผ่านแคมเปญระดับโลกจาก HOKA ‘Together, We Fly Higher’ ที่ชวนทุกคนมา ‘เคลื่อนไหว แบ่งปัน และโบยบินไปด้วยกัน’ ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม – 10 สิงหาคม 2568

VS Gallery ภูมิใจเสนอนิทรรศการ แถ (JIVE)

วว. ร่วมจัดนิทรรศการแสดงผลงานการดำเนิน โครงการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงเพื่อแก้ปัญหา PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนืออย่างยั่งยืน (นำร่องในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพะเยา) ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก วช. โดย วว. บูรณาการดำเนินงานกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และชุมชนในพื้นที่ ผ่านการถ่ายทอดนวัตกรรมพร้อมใช้ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดรายได้และการใช้งานเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้เป็นไปอย่างยั่งยืนและลดการเกิดผลกระทบในวงกว้าง

TK Park ชวนย้อนรอยประวัติศาสตร์เยาวราชในกิจกรรม ‘TK Chat Walk เดินตรอกร้อยชื่อ’

อุทยานการเรียนรู้ TK Park ชวนเข้าตามตรอกออกตามซ่อง เดินทอดน่องที่ย่านเก่าเยาวราช ร่วมกิจกรรม TK Chat Walk เดินเท้าเที่ยวเยาวราช เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมจีนในมิติต่างๆ เพื่อสำรวจเส้นทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนชาวจีนในย่านเยาวราช พื้นที่อันทรงคุณค่าที่ยังมีลมหายใจ

More like this