เส้นทางสู่ “เน็ต ซีโร่” ของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ

Published on

อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ หรือ เฮลธ์แคร์ คือหนึ่งในภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานมากที่สุด คิดเป็น 7% ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมด ซึ่งโรงพยาบาลมีการใช้พลังงานและน้ำในปริมาณมาก อีกทั้งยังสร้างของเสียจำนวนมากเช่นกัน สอดคล้องกับการศึกษาจาก Healthcare Without Harm ที่ชี้ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเฮลธ์แคร์ เทียบเท่าอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิทั่วโลกที่ 4.4% โดยสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป คิดเป็น 56% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ทั้งหมดทั่วโลก

องค์การอนามัยโลก ประเมินว่าค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการใช้พลังงานตามสถานพยาบาลต่างๆ มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ภายในห้าปีข้างหน้า เมื่อพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของโรงพยาบาลพบว่า 25% เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน ฉะนั้นการลดพลังงานจึงช่วยสร้างประสิทธิภาพด้านการเงินที่ดีขึ้นได้ทันที

แดเนียล การ์เซียร์ กิล ดูแลด้านสถาปัตยกรรม IoT โซลูชั่น ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า สิ่งสำคัญสำหรับองค์กรด้านการดูแลสุขภาพ คือการพัฒนาและนำกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนมาใช้ นอกจากจะช่วยให้บรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปารีสแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานได้ นอกเหนือจากคำมั่นสัญญาเหล่านี้ องค์กรทางคลินิกบางแห่งอย่าง Doctors for the Environment Australia ยังสนับสนุนความมุ่งมั่นเหล่านี้อย่างจัง อีกทั้งเรียกร้องให้หลายองค์กรออกมาแสดงความมุ่งมั่นเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ให้ได้ภายในปี 2040 โดยมีเป้าหมายตามระยะเวลาที่กำหนด คือการลดคาร์บอนให้ได้ 80% ภายในปี 2030

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตของความยั่งยืน
Greenhouse Gas Protocol ซึ่งเป็นมาตรฐานการทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกสำหรับทั้งภาครัฐและเอกชน ได้นิยามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน 3 ขอบเขต (Scope) ด้วยกัน โดยอิงจากความเป็นเจ้าของและระดับของการควบคุมการปล่อยก๊าซ สำหรับอุตสาหกรรมภาคการดูแลสุขภาพ สอดคล้องตาม Healthcare Without Harm การกระจายการปล่อยก๊าซคาร์บอนในขอบเขตความยั่งยืนทั้งหมดได้แก่

Scope 1 คือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเผาไหม้ฟอสซิลโดยตรง (เช่นก๊าซธรรมชาติหรือเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะตัวเอง) คิดเป็น 17% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเฮลธ์แคร์ทั่วโลก

Scope 2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากแหล่งพลังงานที่ซื้อมา (ไฟฟ้า ระบบทำความร้อนและทำความเย็นส่วนกลาง ไอน้ำ และ ฯลฯ) คิดเป็นอีก 12% ขึ้นอยู่กับการสร้างไฟฟ้าจากกริด

Scope 3 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากซัพพลายเชนในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญที่สุดของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดอยู่ที่ 71% ซึ่งการปล่อยก๊าซใน Scope 3 ยังเป็นส่วนที่ติดตาม ตรวจสอบและกำจัดได้ยากที่สุด เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับ scope ย่อยต่างๆ เช่นการเดินทางเพื่อธุรกิจ การขนส่งพนักงานและผู้เยี่ยมชม รวมถึงการปล่อยก๊าซจากการลงทุน ซื้อหรือเช่าอุปกรณ์ต่างๆ

องค์กรภาคอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ทั้งหมด กำลังพัฒนาและนำแผนงานมาใช้ในการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดใน 3 scope ที่ว่า โดยกลยุทธ์เหล่านี้ประกอบด้วยการดำเนินงานโดยตรงในส่วนของกิจกรรมที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพด้านพลังงานในระยะสั้น ถึงระยะกลาง ตลอดจนระยะยาว เช่นการจัดการวงจรของสินทรัพย์ แผนการลงทุนเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และแผนจัดซื้อพลังงาน

บรรลุ “เน็ต ซีโร่” ด้วยการบริหารจัดการพลังงานเชิงรุก
กลยุทธ์การบริหารจัดการพลังงานในเชิงรุก ให้แนวทางในการรับมือกับความท้าทายในการบริหารจัดการพลังงาน และเป็นหัวใจหลักของเส้นทางสู่ความยั่งยืนในองค์กร การบริหารจัดการพลังงานในเชิงรุก คือแนวทางที่ใช้นวัตกรรมสร้างความยั่งยืนโดยเน้นถึงความจำเป็นด้านการดำเนินการและการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง และประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักด้วยกัน

การจัดซื้อและจัดหา ได้แก่องค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพด้านภาษี การพัฒนางบประมาณ และการคาดการณ์เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ โดยการดำเนินงานด้านเฮลธ์แคร์ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยมุ่งเน้นเพื่อให้บรรลุความยืดหยุ่นด้านโครงสร้างพื้นฐานและประสิทธิภาพด้านการดำเนินงาน

ประสิทธิภาพและการวิเคราะห์ ได้แก่การดำเนินงานหลักที่เกี่ยวกับการประเมินการใช้พลังงาน การวัดปริมาณและการวิเคราะห์พลังงาน การผสานรวมระบบควบคุมและระบบอัตโนมัติ รวมถึงการให้การรับรองด้านประสิทธิภาพพลังงาน ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติมากขึ้นที่สถานพยาบาลทั่วไปต่างมองหาแนวทางเพื่อให้ได้รับการรับรองด้านประสิทธิภาพผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น Green Star และ NABERS สำหรับโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบวิเคราะห์ข้อมูล และ AI มาใช้ในการระบุเพื่อดูว่าการดำเนินงานส่วนใดที่ยังไม่ได้ประสิทธิภาพเพียงพอ รวมถึงใช้ออกแบบกลยุทธ์ด้านระบบอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบโครงสร้างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความยั่งยืน ยังรวมถึงกิจกรรมหลักอื่นๆ อย่าง การออกรายงานเกี่ยวกับคาร์บอน การใช้เทคโนโลยีสะอาด การติดตั้งแหล่งพลังงานหมุนเวียน แหล่งผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (DER) และการบริหารจัดการทรัพยากรจากแหล่งที่มาทั้งหมด เช่น พลังงาน น้ำ หรือวัสดุก่อสร้าง ซึ่งองค์กรภาคการดูแลสุขภาพมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างแหล่งพลังงานหมุนเวียน และแนวทางในด้านไมโครกริด เพื่อช่วยลดคาร์บอนและสนับสนุนการใช้ไฟฟ้าในระบบโครงสร้าง โดยส่วนอื่นๆ ที่ต้องมุ่งเน้นคือการติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครอบคลุมทั้ง 3 scopeเริ่มจากการวิเคราะห์การใช้พลังงานโดยตรง ตามด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบด้านความยั่งยืนของซัพพลายเชนอย่างละเอียด

การบริหารจัดการพลังงานเชิงรุก ไม่ใช่กระบวนการที่ทำครั้งเดียวจบ แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำตลอดและต้องอาศัยความมีส่วนร่วมและการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง องค์กรด้านเฮลธ์แคร์สามารถส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนได้ด้วยการปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการพลังงานในองค์กรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน

ในฐานะผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในเรื่องการสร้างความยั่งยืน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการช่วยให้องค์กรด้านการดูแลสุขภาพ บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ด้วยแพลตฟอร์ม EcoStruxure™ และการบริการจาก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตร ทั้งการประสานงานและการให้บริการด้านคำปรึกษา ซึ่งสามารถออกแบบกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการพลังงานในเชิงรุกได้อย่างเหมาะสม เพื่อแก้ปัญหาด้วยการลดการปล่อยคาร์บอนในองค์กรเฮลธ์แคร์ ครอบคลุมทั้ง 3 ขอบเขตเพื่อความยั่งยืน

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this