ศาลแพ่งสืบพยานคดี 2 ผญ.นักปกป้องสิทธิฟ้องกองทัพบกสำนักนายกฯกรณีงบทำไอโอ

Published on

ศาลแพ่งสืบพยานคดี 2 ผญ.นักปกป้องสิทธิฟ้องแพ่งกองทัพบกและสำนักนายกฯกรณีสนับสนุนงบประมาณทำไอโอเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายนักปกป้องสิทธิฯ เสร็จสิ้นแล้ว พร้อมนัดอ่านคำพิพากษา 16 ก.พ.ปีหน้า “อังคณา”เชื่อมั่นว่าศาลจะให้ความยุติธรรม ขณะที่ “อัญชนา” ระบุอยากให้คดีนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ประชาชนสามารถลุกขึ้นมาปกป้องตนเองจากรัฐได้ ด้านทนายความหวังคำพิพากษาในคดีจะเป็นนิมิตหมายให้คดีอื่นๆ ที่ถูกกระทำโดยรัฐและปกปิดไว้ถูกตรวจสอบโดยอำนาจตุลาการมากยิ่งขึ้น

ศาลแพ่งรัชดาได้นัดสืบพยานจำเลยครั้งสุดท้ายในคดีที่ 2 ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน คณะทำงานด้านการบังคับสูญหายโดยไม่สมัครใจ องค์การสหประชาชาติ(UN Human Rights Expert- WGEID) และอัญชนา หีมมิหน๊ะ อดีตอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจังหวัดชายแดนใต้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแพ่งกับสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล กอ.รมน. และกองทัพบก เป็นจำเลย ในความผิดละเมิด ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 กรณีสนับสนุนการทำไอโอเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายผู้หญิงนักปกป้องสิทธิทางโลกออนไลน์ผ่านทางเว็บไซด์ Pulony.blogspot.com (http://pulony.blogspot.com/) โดยครั้งนี้เป็นการสืบพยานจำเลย 3 ปาก คือ ตัวแทนจากสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลในส่วนงบประมาณของ กอ.รมน.ส่วนกลาง

บรรยากาศในการสืบพยานในครั้งนี้เป็นไปอย่างเข้มข้น โดยทนายของ 2 ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนได้ซักค้านในสามประเด็นหลักที่พยานฝ่ายจำเลยนำสืบคือ ประเด็นที่มีการอ้างถึงผลการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในการสอบสวนกรณีนี้ ประเด็นรายละเอียดเรื่องการจัดสรรงบประมาณในการสนับสนุนกับเว็บไซด์ Pulony.blogspot.com และประเด็นอื่นๆ ที่พยานฝ่ายจำเลยยืนยันว่าไม่ได้มีการดำเนินการปฏิบัติการข่าวสาร และมีการติดตามเฝ้าระวังเว็บไซด์ Pulony.blogspot.com เพราะเป็นเว็บไซด์ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงและกระทบต่อความมั่นคง

สัญญา เอียดจงดี ทนายความให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงรายละเอียดในประเด็นต่างๆ ว่า จำเลยนำพยานเข้าสืบสามปากหลัก ๆ ซึ่งเป็นพยานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักประชาสัมพันธ์ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และเป็นเจ้าหน้าที่ในส่วนที่ดูแลด้านงบประมาณ 1 ท่าน และจาก กอ.รมน.ภาค 4 อีก 2 ท่าน โดยเนื้อหาโดยรวมเน้นไปที่การยืนยันว่ากองทัพและกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณลงไปในรายละเอียดในการสนับสนุนกับเว็บไซด์ Pulony.blogspot.com เลยและก็ยังยืนยันว่าในส่วนของเรื่องการทำรายงานที่มีประเด็นนำมาสู่การอภิปรายในรัฐสภาในเรื่องของการสรุป 140 เรื่องในการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงการรวบในเรื่องทั่ว ๆ ไป เนื่องจากกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นั้นมีการเฝ้าระวังเว็บไซด์ Pulony.blogspot.com อยู่แล้ว

ทนายความกล่าวว่า จากการที่เราสอบถามไปในรายละเอียดและมีเอกสารไปถามค้านเขาทำให้ปรากฏว่าสิ่งที่เขาเฝ้าระวังมันมีพิรุธเพราะเอกสารที่นำเสนอนั้นมีเพียงครั้งเดียวที่มีการพูดถึง Pulony.blogspot.com แต่เป็นการพูดถึงในแง่ที่คล้ายกับเป็นการนำเสนอข่าวที่อวยรัฐ และในครั้งอื่นในปีพ.ศ. 2561-1562 กลับไม่ปรากฏว่ามีการนำเสนอข้อมูลว่ามีการทำรายงานตรวจสอบว่า Pulony.blogspot.com อยู่ในบัญชีเฝ้าระวัง แต่กลับมีชื่อของโจทก์ที่ 2 คือ คุณอัญชนา และสื่อมวลชนบางสำนักเช่น ศูนย์ข่าวอิศรา ศูนย์ข่าว Manager ซึ่งถูกตีตราว่าเป็นสื่อฝ่ายตรงข้ามและเป็นแนวร่วมฝ่ายตรงข้ามอยู่ในเอกสาร ทำให้เราเห็นว่าข้ออ้างที่บอกว่า Pulony.blogspot.com อยู่ในลิสต์ของการเฝ้าระวังไม่น่าจะเป็นความจริง

สัญญากล่าวเพิ่มเติมว่า เรานำเสนอข้อมูลได้ค่อนข้างที่เกือบจะสมบูรณ์ และเรามาไกลกว่าสิ่งที่เราเริ่มต้นไว้ สิ่งที่เราได้จากสำนวนพยานหลักฐานรวมถึงบุคคลที่มาให้ข้อมูลกับศาลลงลึกไปจนถึงว่าเขาใช้เว็บไซด์อะไรชื่ออะไรวิธีการอย่างไร มีเว็บแฝดอย่างไรมีเว็บในลักษณะปิดลับอย่างไร ซึ่งถ้าศาลดูดีๆแล้วชั่งน้ำหนักดีๆ การที่จำเลยกล่าวอ้างว่าไม่เคยทำไม่ใช่ แต่เมื่อดูหลักฐานโจทก์ที่เราได้นำเสนอในศาลไปแล้วนั้นไปถึงหลักฐานที่มีสามารถต่อจิ๊กซอร์และชี้เป้าได้ค่อนข้างชัด

“หวังว่า 16 ก.พ. ปีหน้าเราจะได้เห็นคำพิพากษาที่ดีๆ ไม่มองแต่รัฐเอาอะไรมาให้ศาล ศาลก็เขียนตามนั้น ศาลต้องมองไปถึงว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นอย่างไร โจทก์เป็นผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ได้ผลกระทบจากการถูกใช้ปฏิบัติการทางด้านข่าวสารมาด้อยค่าในลักษณะดังกล่าวนี้ ต่อไปถ้าปล่อยให้กระบวนการดังกล่าวนี้เกิดขึ้นได้ตนคิดว่าปัญหาของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะไม่จบ ที่สำคัญแม้โจทก์จะไม่มีพยานหลักฐานร้อยเปอร์เซ็นต์ให้ศาลเห็น ถ้าศาลดูภาพรวมแล้วมีความกล้าหาญเพียงพอในการที่จะทำคำพิพากษาในลักษณะก้าวหน้าก็จะเป็นนิมิตหมายให้คดีอื่นๆ ที่จะตามมาที่ถูกกระทำโดยรัฐและปกปิดไว้มันน่าจะถูกตรวจสอบโดยอำนาจตุลาการมากยิ่งขึ้น” ทนายความระบุ

ขณะที่สุรชัย ตรงงาม ทนายความระบุเพิ่มเติมว่า อาชญากรรมย่อมทิ้งร่องรอยเสมอ เราสามารถจับร่องรอยนั้นได้หรือเปล่า การกระทำที่ไม่ถูกต้องแม้จะปกปิดให้ลึกลับซับซ้อนอย่างไรก็ทิ้งร่องรอยไว้เสมอ คดีนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าแม้ร่องรอยเพียงไม่มาก แต่ถ้าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพิสูจน์มันก็จะสำเร็จได้และจะกลายคดีตัวอย่างที่จะทำให้หน่วยงานรัฐตระหนักถึงผลร้ายหากจะมีการละเมิดสิทธิของนักต่อสู้ทั้งหลายต่อไป

ด้านอัญชนากล่าวว่า ” ดีใจที่มาถึงวันนี้ ดีใจที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อทุกคนในสังคม และแม้ว่าผลจะเป็นอย่างไรแต่วันนี้เราได้ร่วมกันทำให้ข้อมูลที่มันน่าตกใจและน่ากังวลใจเปิดเผยในศาล และครั้งต่อไปก็จะเปิดเผยต่อสาธารณะได้ทำให้สังคมร่วมตรวจสอบภาครัฐมากขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของด้านความมั่นคง อยากให้กรณีของตนเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ประชาชนสามารถลุกขึ้นมาปกป้องตนเองได้ คุณมีสิทธิที่จะปกป้องตนเองได้ และคุณสามารถที่จะตรวจสอบหน่วยงานภาครัฐได้”

สิ่งสำคัญทำให้เห็นความยากลำบากของทนายของโจทก์ในการที่จะหาพยานหลักฐานเพื่อมาพิสูจน์ในสิ่งที่รัฐทำ ซึ่งการพิสูจน์รัฐมีกลไกมีบุคคลมีทรัพยากรมากมาย แต่เราพบว่าถึงแม้จะมีความยากลำบากแต่ก็ทำให้เราได้เห็นว่าอย่างน้อยมันมีจุดบอดในกลไกภาครัฐ กลไกการทำงาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคืองบประมาณ การใช้สิทธิของตนเป็นการที่ประชาชนสามารถที่จะลุกขึ้นมาตรวจสอบเรื่องของการใช้งบประมาณของรัฐและได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบการของบประมาณของรัฐได้

ขณะที่อังคณา นีละไพจิตร ให้ความเห็นต่อการสืบพยาน 2 ปากสุดท้ายในครั้งนี้ว่า จำเลยได้อ้างรายงานการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ระบุว่าไม่ปรากฏพยานหลักฐานเป็นที่ยุติแน่ชัดว่าจำเลยใช้งบประมาณของรัฐในการด้อยค่านักสิทธิมนุษยชน ซึ่งในส่วนตัวมีความเห็นว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิฯ อาจไม่มีความรอบด้านเพียงพอ เนื่องจากในการตรวจสอบ กสม. ไม่ได้เชิญผู้เสียหาย หรือผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ถูกด้อยค่ามาให้ข้อเท็จจริงแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ดี กสม. ได้มีข้อสังเกตว่ามีการใช้บัญชีในสื่อสังคมออนไลน์เช่นเฟสบุ๊ค หรือทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นบัญชีที่ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ทำการคุกคามประชาชนที่ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ด่าทอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ให้ร้าย เสียดสี ดูแคลนเพศสภาพ และสร้างความเกลียดชังที่อาจเป็นการโจมตีนักการเมือง นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักวิชาการจริง

ส่วนพยานปากสุดท้าย คือ ผอ. สำนักงบประมาณ ของ กอ.รมน. ส่วนกลาง ซึ่งเบิกความต่อศาลว่าในการเขียนงบประมาณภายในของ กอ.รมน. เป็นการเขียนโดยที่ไม่ระบุรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณ จึงมีข้อสังเกตุว่าโดยปกติในการใช้งบประมาณแผ่นดิน หน่วยงานของรัฐจำเป็นต้องระบุรายละเอียดของการใช้จ่ายงบประมาณที่มาจากภาษีของราษฎร เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ จึงมีข้อสงสัยว่าเพราะเหตุไร กอ.รมน. จึงไม่จัดทำบัญชีค่าใช้จ่ายโดยระบุรายละเอียดของการใช้งบประมาณไว้

“คดีนี้ส่วนตัวในฐานะโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการถูกใส่ร้าย ด้อยค่า และลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จากการปกป้องสิทธิมนุษยชน เชื่อมั่นว่าศาลจะให้ความยุติธรรม โดยให้จำเลยชดใช้เยียวยาความเสียหายทางจิตใจ คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และประกันว่าหน่วยงานของรัฐจะไม่คุกคามและละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอีกต่อไป” อังคณาระบุ

ด้านปรานม สมวงศ์ องค์กร Protection International ระบุว่า “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศาลจะให้ความยุติธรรมต่อการใช้สิทธิอันชอบธรรมของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯทั้งสองท่าน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย หากผลของคดีออกมาดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมสำหรับผู้หญิงนักปกป้องสิทธิ ก็จะปูทางให้มีการเอื้ออำนวยให้มีการเข้าถึงความยุติธรรมของนักปกป้องสิทธิฯท่านอื่นๆด้วย ทั้งนี้เพื่อจะได้สอดคล้องกับข้อเสนอของคณะกรรมการตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ที่ได้เสนอแนะให้กับรัฐบาลไทยและกระบวนการยุติธรรมว่า ให้เสริมความเข้มแข็งให้ระบบยุติธรรม ตอบสนองต่อเพศภาวะและมีความละเอียดอ่อนต่อเพศภาวะ รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเยียวยาทางกฎหมายสำหรับผู้หญิงที่ถูกละเมิดสิทธิ รวมถึงผู้หญิงมุสลิมจังหวัดชายแดน ภาคใต้ให้รับรู้ถึงการเยียวยาที่มีอยู่ภายใต้ระบบยุติธรรมทางอาญา”

ทั้งนี้ศาลแพ่ง (รัชดา) ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 16 ก.พ. 2566

 

 

Latest articles

กรังด์ปรีซ์™ ซีซั่น สิงคโปร์ เปิดฉากความสนุกการแข่งขัน

กรังด์ปรีซ์™ ซีซั่น สิงคโปร์ (GPSS) กลับมาอีกครั้งในวันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 จัดเต็มด้วยกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่คัดมาแล้วในธีมแข่งรถทั่วเมือง ตลอด 10 วันแห่งความสนุกนี้จัดขึ้นเพื่อเติมเต็มบรรยากาศการแข่งรถฟอร์มูล่าวัน หรือสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์™ ที่สนับสนุนโดยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส พร้อมทั้งเชิญชวนนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์มาร่วมสัมผัสประสบการณ์พิเศษในหลายย่านทั่วสิงคโปร์ ตอบโจทย์ความสนใจของของผู้ชมที่หลากหลาย

อาลีบาบา คลาวด์ เผยแผนกลยุทธ์นวัตกรรม AI ยุคหน้า

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ครบวงจรชุดล่าสุด ในงาน Apsara Conference 2025 งานประชุมประจำปี เพื่อโชว์เคสเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุด...

ORIGIN VERTICAL โกยยอดขายคอนโดฯต่างชาติครึ่งแรกปี’68 กว่า 2,800 ล้านบาท

ORIGIN VERTICAL ตอกย้ำผู้นำเจ้าตลาดขายคอนโดฯต่างชาติ โชว์ยอดขายต่างชาติ ชื้อคอนโดครึ่งแรกปี 2568 ทะลุกว่า 2,800 ล้านบาท ชี้ “รัสเซีย-จีน-ไต้หวัน” ครองสัดส่วนซื้อคอนโดฯมากสุด

W9 Wellness Center ชี้ “อาหารคลีนก็ทำให้อ้วนได้” กับดักสุขภาพที่รบกวนฮอร์โมนโดยไม่รู้ตัว

กินคลีนแล้วทำไมยังอ้วน? คำถามยอดฮิตที่ยังไม่มีคำตอบสำหรับใครหลายคน ในยุคที่ผู้คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การหันมากินอาหารคลีนกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ในขณะเดียวกัน หลายคนกลับตั้งคำถามว่า "ทั้งที่กินคลีน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ทำไมน้ำหนักถึงไม่ลดลง

More like this