สสส. จัดอบรมครูหลักสูตรดูแลเด็กช่วงโควิด-19

Published on

สสส. จัดอบรมครูหลักสูตรดูแลเด็กช่วงโควิด-19 ติดอาวุธให้ครูมีความรู้ ความเข้าใจพร้อมรับมือ ป้องกันเด็กถูกตีตราแบบไม่ตั้งใจ แพทย์หวั่นเด็กไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ถูกบูลลี่ กำชับโรงเรียนมีมาตรการป้องกันรองรับ แนะเปิดโรงเรียน ต้องเตรียมความพร้อมทั้งกายภาพและดูแลจิตใจ

รศ.ดร.นพ.นันทวัช สิทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสถาบันการเรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ (ThaiHealth Academy) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในวันที่ 1 พฤศจิกายน โรงเรียนจะเปิดเรียนเป็นวันแรก สถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากเปิดเรียน เบื้องต้นแยกเป็นเด็กเล็กต่ำกว่า 12 ปี ที่ยังไม่มีวัคซีนรองรับ ซึ่งตามหลักการทางการแพทย์ อาการของเด็กที่ติดโควิดจะไม่มาก แต่สามารถนำไปติดผู้ใหญ่ในครอบครัวได้ และเด็กโตที่อายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 มีประเด็นที่ผู้ปกครองอาจจะมีความลังเลใจจะให้เด็กฉีดหรือไม่ให้ฉีด ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันอย่างไร

ดังนั้น สสส. ได้จัดอบรมหลักสูตร : การดูแลเด็กในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับบุคลากรภาคีเครือข่ายด้านเด็กและครอบครัวของ สสส. อาทิ ผู้บริหารศูนย์เด็กเล็ก ครูศูนย์พัฒนาเด็ก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โรงเรียน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเครือข่ายภาคสังคม จำนวน 40 คน ผ่านทางระบบออนไลน์ โดยจะนำหลักสูตรดังกล่าวเปิดให้สามารถเรียนรู้ผ่านระบบอีเลิร์นนิงในสัปดาห์หน้า ผู้สนใจสามารถเข้ามาดูย้อนหลังเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

“เนื้อหาหลักๆ จะเป็นการดูแลเด็กอย่างไรเมื่อมีการเปิดโรงเรียน หรือเปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รวมถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 และการติดเชื้อในเด็ก แนวทางการปรับตัวของครูและนักเรียนหลังผ่านการเรียนออนไลน์มาเกือบ 2 ปีแล้วต้องกลับมาเรียนในชั้นเรียนปกติ ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม วิธีการเรียนของเด็ก เหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในการเข้าใจเด็ก สร้างแรงจูงใจ การอบรมนี้จะช่วยป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเปิดโรงเรียน และคาดหวังจะช่วยให้ครูมีความเข้าใจที่ถูกต้อง มีความมั่นใจในการดูแลที่ถูกต้องที่โรงเรียน จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพให้ถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย และถ้ามีกรณีเรื่องวัคซีนโควิด-19 ครูสามารถอธิบายพ่อแม่ได้ในเรื่องการฉีดหรือไม่ฉีด โดยครูไม่ซ้ำเติมพ่อแม่ หรือเด็กโดยไม่ตั้งใจ และถ้าเกิดการติดเชื้อในโรงเรียน ครูจะสามารถมีแนวทางจะรับมือและจัดการได้” รศ.ดร.นพ.นันทวัช กล่าว

ด้าน รศ.พญ.วนิดา เปาอินทร์ กุมารแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 4 สสส. กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมในการเปิดโรงเรียน แบ่งเป็นเรื่องกายภาพและการดูแลจิตใจนักเรียน โดยด้านกายภาพควรมีการจัดห้องเรียนไม่แออัด โต๊ะเรียนเว้นระยะห่าง หรือจัดระบบเรียนสลับช่วงเวลา หรือเรียนแบบไฮบริด เช่น มีเนื้อหาที่เด็กไปศึกษาด้วยตัวเองก่อน และนำมาสรุปบทเรียน โดยสื่อสารสองทางที่โรงเรียน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละโรงเรียน ส่วนโรงอาหารควรจัดให้นั่งหลวม ๆ หรือสามารถนั่งรับประทานในสถานที่ต่าง ๆ ได้ เพื่อลดความแออัด แยกจามชามแก้วช้อนของแต่ละคน จัดเหลื่อมเวลาพักเพื่อลดความแออักของสนามเด็กเล่น ผู้ใหญ่ คนทำงานในโรงเรียนไม่ว่าจะอยู่ในหน้าที่อะไร ควรได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสทุกคน และมาตรการมาตรฐานอื่น ๆ ได้แก่ การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา การจัดหาเจลแอลกอฮอล์ และจุดล้างมืออย่างทั่วถึง

รศ.พญ.วนิดา กล่าวต่อว่า ส่วนการดูแลเรื่องใจ ต้องระวังป้องกันไม่ให้เกิดการบูลลี่เด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน การฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนจะต้องไม่เป็นเงื่อนไขของการไปโรงเรียน โรงเรียนไม่ควรขอให้ผู้ปกครองแจ้งว่านักเรียนคนใดได้ฉีดหรือไม่ได้ฉีดวัคซีน ทุกคนควรอยู่ในมาตรการป้องกันแบบเดียวกัน เพราะถึงแม้ได้รับวัคซีน ก็ยังสามารถติดโรคได้ การฉีดวัคซีนได้ประโยชน์สำคัญคือป้องกันโรครุนแรง และการเสียชีวิต ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ก่อนหน้านี้เรากลัวว่าเด็กที่แม้ว่าจะมีอาการน้อย จะนำเชื้อไปติดผู้สูงอายุที่บ้าน แต่เมื่อมีการฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุม ทั้งผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ก็จะปลอดภัยด้วยเช่นกัน

“โควิด-19 จะเป็นโรคที่เราไม่สามารถกำจัดออกไปได้ มันจะอยู่กับเราต่อไป เราจึงไม่ควรรอให้โควิด-19 หมดแล้วจึงจะให้ลูกไปโรงเรียน แต่ควรเข้าใจและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันเหมือนดังเช่นที่ประเทศจำนวนมากทั่วโลกที่มีการระบาดใหญ่ ต่อมามีการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลาย พบว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จนเปิดประเทศ กลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ ประเทศเราก็จะมีปรากฏการณ์ ไม่แตกต่างจากประเทศอื่น ดังตัวอย่างที่เห็นการลดลงของจำนวนผู้ป่วยในกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบ และในที่สุดโรคนี้ก็จะไม่ใช่โรคเป็นภัยคุกคามโลกได้อีกต่อไป และ..เราอาจติดเชื้อนี้ซ้ำได้อีกหลายครั้งตามธรรมชาติ แต่ละครั้งร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อเห็นความจริงในข้อนี้ได้อย่างถ่องแท้ เราจะสามารถรับมือกับมันได้ และไม่ยอมให้เด็กอยู่ในสถานการณ์ที่หยุดการพัฒนาศักยภาพอย่างที่เป็นอยู่” รศ.พญ.วนิดา กล่าว

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this