หน้าแรกBusiness‘เบบี้ สวิมมิ่ง’ รุกขยายธุรกิจโรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็ก-ทารก

‘เบบี้ สวิมมิ่ง’ รุกขยายธุรกิจโรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็ก-ทารก

Published on

เบบี้ สวิมมิ่ง (Baby Swimming) โรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็กและทารกมาตรฐาน ISO แห่งเดียวในประเทศไทย เปิดแผนธุรกิจในยุค New Normal ตอบรับวิถีชีวิตปกติใหม่ เล็งขยายธุรกิจเพิ่มในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตอบรับแนวโน้มตลาดเติบโตสูงหลังโควิด-19 ที่ผู้ปกครองต้องการสร้างทักษะว่ายน้ำให้บุตรหลาน

ดร.พลภัทร นิติธรรมยง และ ณัฏฐ์วิภา นิติธรรมยง ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Baby Swimming (เบบี้ สวิมมิ่ง) โรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็กทารกและเด็กเล็กมาตรฐาน ISO แห่งเดียวในประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ทำให้ธุรกิจของ เบบี้ สวิมมิ่ง ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว เนื่องจากไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลาย บริษัทได้เปิดให้บริการอีกครั้งตามวิถีปกติแบบใหม่ (New Normal) โดยให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัย ความสะอาด และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่นำบุตรหลานมาใช้บริการ

ดร.พลภัทร นิติธรรมยง และ ณัฏฐ์วิภา นิติธรรมยง

ทั้งนี้ บริษัทเป็นโรงเรียนสอนว่ายน้ำแห่งแรกในประเทศไทยที่นำแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” มาใช้ป้องกันและคัดกรองด้วยการเก็บประวัติการเดินทางและการพบปะผู้คนของคุณครู พนักงาน คุณพ่อคุณแม่และน้องๆ สมาชิกทุกคนล่วงหน้าเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนเปิดให้บริการหลังโควิด-19 รวมทั้งปรับกิจกรรมการเรียนการสอนว่ายน้ำ ลดการสัมผัสระหว่างครูผู้สอนและนักเรียนในคลาสเรียนว่ายน้ำ จำกัดผู้เรียนในแต่ละคลาส และใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครองเรื่องความสะอาดปลอดภัยในการนำบุตรหลานมาใช้บริการเรียนว่ายน้ำ ทำให้ธุรกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังโควิด

อย่างไรก็ตาม จากความต้องการเพิ่มทักษะด้านการว่ายน้ำของเด็ก และจำนวนโรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็กและทารกที่ยังมีจำนวนไม่เพียงพอ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย บริษัทจะเร่งขยายธุรกิจโรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็กและทารก เบบี้ สวิมมิ่งมากขึ้นใน กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทั้งในรูปแบบการลงทุนเอง การร่วมทุน และแฟรนไชส์ โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2564 จะเปิดสาขาใหม่อีกอย่างน้อย 4 สาขา รวมกับที่เปิดให้บริการแล้วในปัจจุบัน 11 แห่ง เป็นทั้งหมด 15 สาขา โดยใช้งบลงทุนอย่างน้อย 40 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างก่อสร้าง 2 สาขา และอีก 2 สาขาอยู่ในระหว่างการออกแบบ

ณัฏฐ์วิภา ให้ความเห็นสำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจที่เกี่ยวกับเด็กและครอบครัวว่ายังมีแนวโน้มในการเติบโตอีกมาก ถึงแม้อัตราการเกิดใหม่ของเด็กทารกจะลดลง แต่ครอบครัวจะให้ความสำคัญและทุ่มเทในการพัฒนาศักยภาพของเด็กมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในวิถีชีวิตปกติรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาตรฐานความปลอดภัยและความสะอาดของสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับแม่และเด็กจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากยื่งขึ้น

สำหรับ เบบี้ สวิมมิ่ง นอกจากแผนการขยายสาขาแล้ว บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจเกี่ยวกับแม่และเด็กเพื่อต่อยอดจากโรงเรียนสอนว่ายน้ำไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ มากขึ้นด้วย โดยผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.babyswimmingthailand.com

Latest articles

มหกรรมสินค้าไอทีกลางปี “COMMART UNLIMIT” ณ ไบเทคบางนา

มหกรรมสินค้าไอทีคอมมาร์ต รอบกลางปี 2568 มาในคอนเซ็ปต์ COMMART UNLIMIT โปรน็อนสต๊อป ช้อปไม่จำกัด จัดเต็มครบทุกแบรนด์สินค้าไอทีชั้นนำ

โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ แนะนำเมนูชวนลิ้มลอง “เค้กชาเขียววสันตฤดู”

เค้กช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ คัดสรรเมนูเค้กเด่นประจำฤดูฝนหรือฤดูใบไม้ผลิให้ได้ลิ้มลองความอร่อยด้วย “เค้กชาเขียววสันตฤดู (Green Tea Rainy Season Cake)” โดย เชฟเต้ - จักรพรรดิ์ พจน์ชัยกุล

Workation Paradise ss.3 รุกตลาดฟรีแลนซ์ ปั้นไทยสู่ศูนย์กลาง Work & Travel

ททท. ผนึกกำลัง Fastwork รุกตลาดฟรีแลนซ์ยุคใหม่ เตรียมเปิดตัว “Workation Paradise Throughout Thailand Season 3” ปั้นไทยสู่ศูนย์กลาง Work & Travel

เต็ดตรา แพ้ค ขยายโรงงานใน Binh Duong รองรับตลาดประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นับได้ว่าเป็นภูมิภาคที่ตลาดอาหารและเครื่องดื่มมีการแข่งขันดุเดือดมากที่สุดแห่งหนึ่ง มีมูลค่าตลาดกว่า 667 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2566 และมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงถึง 900 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2571

More like this