ม.มหิดล ให้บริการตรวจประสิทธิภาพ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ

Published on

ม.มหิดล ให้บริการตรวจประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อของผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ตามมาตรฐานสากล และให้สาระความรู้สู้ภัย Covid-19 แก่ประชาชน

Covid-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ทำให้เกิดการรณรงค์ และมาตรการทางสังคมต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยมุ่งเป้าเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อกันอย่างเข้มงวดจริงจัง ไปพร้อมๆ กับบทบาทของเหล่าบรรดาสถาบันการศึกษาที่ออกมาให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรกฤษณ์ ถิรพันธุ์เมธี ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายจุลชีววิทยา (CAPQ-MICRO) ศูนย์วิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ (MUPY-CAPQ) กล่าวว่า เชื้อ Covid-19 แพร่ผ่านทางละอองฝอยเมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม และแพร่ผ่านทางสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อได้ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได เชื้อสามารถมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมได้หลายวัน ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการดูแลความสะอาดของสภาพแวดล้อม ด้วยการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยการเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในกรณีของไวรัสโคโรน่า Covid-19 ทาง Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ของสหรัฐอเมริกา และองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำให้ใช้เอทิลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 70%

เนื่องจากการแพร่ระบาดที่ขยายวงกว้างของ Covid-19 ปัจจุบันจึงเกิดธุรกิจการผลิตและจำหน่ายเจลแอลกอฮอล์ขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งบางรายก็ไม่ได้มาตรฐานดังที่เป็นข่าวกันอยู่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรกฤษณ์ ถิรพันธุ์เมธี ได้แนะนำวิธีทดสอบเจลแอลกอฮอล์ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้ด่างทับทิม 1 เกล็ด ผสมกับน้ำส้มสายชูครึ่งช้อนชา ให้ออกสีชมพูบานเย็น ไม่ต้องถึงกับม่วงเข้ม แล้วนำไปผสมกับแอลกอฮอล์ที่สงสัย จะเป็นเจล หรือสารละลายก็ได้ ในอัตราส่วน 1 : 3 ถ้าเป็นแอลกอฮอล์ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เช่น เอทิลแอลกอฮอล์ หรือ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ จะเปลี่ยนสีภายใน 5 นาที แต่ถ้าเป็นแอลกอฮอล์ที่เป็นอันตรายหรือ เมทิลแอลกอฮอล์ สีจะไม่เปลี่ยนแม้ทิ้งไว้นาน 15 นาที

นอกจากนี้ เพื่อป้องกันแอลกอฮอล์ขาดตลาด ในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนพื้นผิว เราอาจใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่อยู่ใกล้ตัวในครัวเรือนมาทดแทน โดยอาจใช้น้ำยาได้ทั้งชนิดที่ใช้สำหรับผ้าขาว ที่มีสารออกฤทธิ์เป็นสารโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 6% และชนิดที่ใช้สำหรับผ้าสี ที่มีสารออกฤทธิ์เป็นสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 5% โดยผสมน้ำในอัตราส่วน 1 : 11 (น้ำยา 1 ส่วน น้ำ 11 ส่วน) สำหรับน้ำยาสำหรับผ้าขาวและ 1 : 9 (น้ำยา 1 ส่วน น้ำ 9 ส่วน) สำหรับน้ำยาสำหรับผ้าสี

ซึ่งน้ำยาสำหรับผ้าขาวไม่แนะนำให้ใช้กับพื้นผิวที่เป็นโลหะ และน้ำยาสำหรับผ้าสี เมื่อผสมน้ำแล้วแนะนำให้ใช้ทันที ไม่ควรเก็บเอาไว้ เพราะอาจเกิดการสลายตัวได้ และเนื่องจากน้ำยาทั้ง 2 ชนิดดังกล่าวมีส่วนประกอบของสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจ ผู้ใช้จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง ปกป้องตัวเองด้วยการแต่งตัวให้มิดชิดเหมาะสม โดยสวมแว่นนิรภัย ถุงมือยาง รองเท้าบู้ทและใส่หน้ากากด้วยทุกครั้ง เพื่อป้องกันสารเคมีกระเด็นถูกร่างกายตนเอง

หากเลือกใช้น้ำยาที่ใช้สำหรับถูพื้นโดยตรง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ซึ่งมักมีสารจำพวก quarternary ammonium compound ที่เมื่อผสมน้ำตามฉลากแล้ว จะเกิดฟองคล้ายสบู่ ซึ่งหากเป็นน้ำยาถูพื้นที่ไม่ผสมสารฆ่าเชื้อ จะไม่สามารถทำลายเชื้อโรคได้

หรือเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่มีสารออกฤทธิ์เป็นคลอโรไซลีนอล 4.8% ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 : 39 (น้ำยา 1 ส่วน น้ำ 39 ส่วน) โดยควรใช้ผ้าชุบน้ำยาเช็ดพื้นผิวทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาทีเพื่อให้น้ำยาออกฤทธิ์ทำลายเชื้อ

และไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ใช้กับผิวกาย เช็ดทำความสะอาดสิ่งของ หรือถูพื้น ควรอ่านคำแนะนำและปฏิบัติตามฉลาก ที่สำคัญให้ดูทะเบียน อย. และวันหมดอายุด้วย

ที่ศูนย์วิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ (MUPY-CAPQ) ฝ่ายจุลชีววิทยา(CAPQ-MICRO) มีบริการตรวจประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อของผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ ตามข้อกำหนดตามมาตรฐานสหภาพยุโรปว่าด้วยมาตรฐานสารเคมีฆ่าเชื้อบนพื้นผิวและภายนอกร่างกายสิ่งมีชีวิต (EN 1276: 2009 Chemical disinfectants and antiseptics) โดยมีการปรับบางรายละเอียดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขไทย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการที่มีความประสงค์จะทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อดูว่าสูตรแอลกอฮอล์ที่ใช้สามารถทำลายเชื้อได้จริงหรือไม่ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดการส่งตรวจได้ที่โทร. 096 812 3281 email: capq-micro@hotmail.com หรือ FB: CAPQ-Micro MUPY

สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร.0-2849-6210

Latest articles

ดีลอยท์ ชี้กลยุทธ์การควบรวมและการซื้อกิจการเชิงเปลี่ยนผ่าน สร้างผลตอบแทนการลงทุนให้ผู้ถือหุ้นมากกว่าสองเท่า 

รายงานวิจัยล่าสุดของดีลอยท์ “คู่มือสำหรับนักเปลี่ยนผ่านด้านการเติบโต” (The Growth Transformer’s Playbook) พบว่า บริษัทที่นำกลยุทธ์ควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) มาเป็นแกนหลักในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ สามารถสร้างผลตอบแทนเหนือคู่แข่งที่ดำเนินธุรกิจรูปแบบเดิม โดยสามารถสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 464 ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี S&P 1200 ที่ร้อยละ 157 ถึงสองเท่า

“เช็กอิน ฟิน ว้าว ตะวันออก X เฉียงเหนือ” 7 จังหวัด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนไทย–กัมพูชา

ททท. เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวชายแดน ภายใต้โครงการ “เช็กอิน ฟิน ว้าว ตะวันออก X เฉียงเหนือ” เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ครอบคลุม 7 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด

Red Hat AI 3 มอบศักยภาพ Distributed AI Inference เสริมแกร่งการนำ AI Workloads ไปใช้งานจริง

แพลตฟอร์ม AI แบบไฮบริดคลาวด์เนทีฟของ Red Hat ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ AI มอบความสามารถในการอนุมานแบบใหม่ที่ทรงพลัง สร้างรากฐานให้กับ agentic AI ในวงกว้าง เสริมศักยภาพให้ทีมไอทีและวิศวกร AI สร้างสรรค์นวัตกรรมได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

มรภ.สวนสุนันทา ชวนดำดิ่งไปกับ The Body Painting and Costume Design Showcase 2025

แขนงวิชาศิลปะการละครและความเป็นผู้ประกอบการสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของท้องทะเลในงาน “The Body Painting and Costume Design Showcase 2025” ภายใต้แนวคิด “Blue Symphony – จังหวะแห่งห้วงมหาสมุทร”

More like this