“ณัฏฐพล” ลั่นพร้อมจับมือ กสศ. ขจัดความเหลื่อมล้ำเป็นนโยบายเร่งด่วน

Published on

รมว.ศธ.พร้อมสานนโยบายลดความเหลื่อมล้ำกับกสศ.ส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้ศธ.วางแผนจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือโอกาสทางการศึกษาเด็กยากจนได้ในอนาคต

ที่โรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ จังหวัดปทุมธานี กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดงาน ‘ตลาดวาดฝัน ส่งต่อรอยยิ้ม สร้างโอกาส สร้างอาชีพ นักเรียนทุนเสมอภาค’ โดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า กองทุน กสศ.เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ทำให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เห็นตัวเลขเด็กยากจนที่ยังขาดโอกาสทางการศึกษาอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้ศธ.วางแผนจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือโอกาสทางการศึกษาเด็กยากจนได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ตานมีนโยบายที่ชัดเจนในการขจัดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นกับเด็กทุกคน โดยจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำให้เป็นนโยบายเร่งด่วน โดยหวังว่าทุกคนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมปรับปรุงแก้ไขและต่อยอดเรื่องการศึกษาต่างๆไปพร้อมกับตน ซึ่งการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษานั้นจะต้องมุ่งเน้นให้เด็กเรียนเพื่อการสร้างอาชีพไม่ใช่เรียนจบแล้วกลับไปนั่งอยู่บ้านหรือไปนั่งเล่นเกม

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้จากที่ได้เห็นข้อมูลตัวเลขเด็กยากจนจากกองทุนกสศ.ที่ครอบครัวมีรายได้เพียง 1,250 บาทต่อเดือนเท่านั้น เป็นสิ่งที่มองว่า รายได้ในจำนวนเท่านี้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนเด็กไม่สามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงอยากให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามาช่วยผลักดันแก้ไขปัญหาในการให้โอกาสทางการศึกษากับเด็กยากจนมากยิ่งขึ้นโดยที่ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนด้วย อีกทั้งการจัดสรรงบประมาณจะต้องเชื่อมโยงกับตัวชี้วัดว่างบที่ให้ไปเด็กได้รับโอกาสทางการศึกษาที่แท้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามขอให้ สพฐ.นำโครงการการสร้างอาชีพสร้างรายได้ที่กองทุนกสศ.ดำเนินการอยู่ไปต่อยอดขยายครอบคลุมให้มากขึ้นด้วย

“สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คนที่จะมาแบกรับภาระต่อไปก็คือน้องๆ หลานๆ ยิ่งหากเขาเก่งมากเท่าไหร่ ประเทศไทยก็จะเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม การจัดสรรงบก็ต้องมีตัวชี้วัด ว่า คืออะไร และเป็นสิ่งที่หน่วยงานของ ศธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งดูและเด็กนักเรียนทั้งหมดต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้เห็นความชัดเจน หลังจากนี้อีกหนึ่งปี เพราะเป็นเงินจากภาษีประชาชน ต้องใช้ให้มีคุณค่า รวมทั้งจะต้องเดินหน้าให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ​SDGs เป้าหมายที่สี่การศึกษาที่เท่าเทียม” รมว.ศธ.กล่าว

ด้านดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือด้วยแนวทางสงเคราะห์แต่เพียงลำพังนั้น ยากที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้อย่างยั่งยืน และไม่สามารถหยุดปัญหาความยากจนข้ามชั่วคนได้ ส่วนหนึ่งของทุนเสมอภาคของ กสศ. จึงมุ่งไปที่กิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต เพื่อให้นักเรียนทุนเสมอภาคเหล่านี้สามารถพึ่งพาตนเองและดูแลครอบครัวได้อย่างยั่งยืนในอนาคต โดยการสนับสนุนและบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมของโรงเรียน คุณครู นักเรียน ขณะนี้มีโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถขยายผลกิจกรรมทักษะอาชีพ นำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายรูปแบบ สร้างรายได้ให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาค สมัครเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายตลาดวาดฝัน สร้างโอกาส สร้างอาชีพ เบื้องต้นแล้ว 107 โรงเรียนทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกภูมิภาค และในอนาคตจะมีมากขึ้นกว่านี้

“ในวันนี้ยังเป็นการมอบเงินบริจาค บาทแรกของประชาชนทั่วไปที่ร่วมสมทบความช่วยเหลือกับทุนเสมอภาคจากกสศ. ในโครงการณรงค์จดหมายลาครู ถือเป็นครั้งแรกที่ภาครัฐและภาคประชาชนได้ทำหน้าที่เป็นหุ้นส่วนความเสมอภาคทางการศึกษาร่วมกัน โดยยอดเงินบริจาคจากโครงการรณรงค์จดหมายลาครูระหว่างเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม 2562 มีผู้บริจาค 1,576 รายการ รวมยอดบริจาคทั้งสิ้น 695,239.20 บาท ซึ่งเงินบริจาคจากประชาชน ส่วนแรกจะมุ่งตรงไปที่เด็กๆเจ้าของจดหมายลาครูจำนวน 8 คนๆละประมาณ 43,000 บาท เพื่อช่วยเหลือปัญหาเฉพาะหน้า ให้ได้เรียนหนังสือ ไม่หลุดออกนอกระบบการศึกษา และส่วนที่สอง จะสนับสนุนโรงเรียน 6 แห่งๆละ ราว 58,000 บาท เพื่อใช้ในกิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพ ส่งเสริมศักยภาพเด็กๆ ต่อยอดจากที่กสศ.สนับสนุนทุกโรงเรียนอยู่ และยังส่งผลให้นักเรียนทุนเสมอภาคคนอื่นๆในโรงเรียนได้รับอานิสงค์จากเงินบริจาคนี้ด้วย” ดร.ประสาร กล่าว

​ด้านนพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า ความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เขตพื้นที่การศึกษาและคุณครูทั่วประเทศ ทำให้กสศ.สามารถสนับสนุนทุนเสมอภาคเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนข้นแค้นที่สุด ให้แก่โรงเรียนสังกัด สพฐ. 29,871 โรงเรียน ซึ่งในปีการศึกษา 2562 จะสามารถช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มนี้จำนวน 723,604 คน อย่างไรก็ตาม ทุนเสมอภาค ที่ กสศ. ได้รับจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลมาให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษในแต่ละปีนั้น แม้จะพอช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครอบครัวนักเรียนได้บ้างบางส่วน คำนวณแล้วราววันละ 10 บาทต่อคนเท่านั้น จึงต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วนมาร่วมเต็มเต็มความช่วยเหลือให้เด็กกลุ่มนี้มากขึ้น

“สำหรับทุนเสมอภาค ขณะนี้กสศ.สามารถช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษในระดับชั้นป.1 – ม.3 ในขณะที่งานวิจัยชี้ว่า ปฐมวัยคือช่วงวัยสำคัญหากเข้าเรียนอนุบาลช้ามีแนวโน้มหลุดออกจากระบบการศึกษาก่อนเพื่อน กสศ. จึงพยายามช่วยเหลือทุนเสมอภาคระดับอนุบาล เบื้องต้นสามารถสนับสนุนได้ 10 จังหวัด เท่านั้น ซึ่งเราคาดหวังว่าปีหน้ารัฐบาลและรัฐสภา จะสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดูแลเด็กๆอนุบาลได้ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ” นพ.สุภกร กล่าว

นพ.สุภกร กล่าวว่า กสศ.จึงขอเชิญชวนประชาชน รวมถึงภาคธุรกิจเอกชน ร่วมกันบริจาคสมทบ หรือสนับสนุนในแง่องค์ความรู้ความเชี่ยวชาญ เพื่อต่อยอดความช่วยเหลือที่กสศ.ได้เริ่มดำเนินการไว้แล้ว ให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนแก่เด็กๆมากยิ่งขึ้น และสามารถติดตามกิจกรรมของเครือข่ายตลาดวาดฝันเพื่อร่วมสนับสนุนหรืออุดหนุนผลิตภัณฑ์จากกิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพหรือโครงการอื่นๆของนักเรียนทุนเสมอภาคได้ที่ www.eef.or.th และหากภาคธุรกิจหรือประชาชนทั่วไป จะร่วมสมทบทุนบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ กลุ่มที่ยากจนที่สุดของประเทศ สามารถเข้าไปบริจาคและใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่าได้อัตโนมัติที่ https://donate.eef.or.th/main-donate และสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หมายเลขโทรศัพท์ 0-2 079-5475

นายสมคะเน ดาษดา ผอ.โรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ จ.ปทุมธานี กล่าวว่า เงินอุดหนุนจากโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข (นักเรียนทุนเสมอภาค) ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเด็กๆ และเสริมสร้างสิ่งต่างๆหลายอย่าง ทุนการศึกษาพอให้เสร็จนักเรียนใช้แล้วก็หมดไปตรงนั้นเลย แต่กองทุนของ กสศ. คือให้ทุนที่จำเป็นต่อพื้นฐานการดำรงชีวิต และยังมีพิเศษอีกส่วนคือเป็นทุนสำหรับต่อยอดให้เด็กนักเรียนนำทุนส่วนนี้ไปฝึกอาชีพ สามารถที่จะนำทุนนี้ไปสร้างรายได้ แล้วรายได้นั้นก็สามารถนำมาช่วยเหลือในเรื่องจำเป็นในการดำรงชีวิตของเขา

​“โรงเรียนสามารถที่จะนำไปส่งเสริมให้นักเรียนต่อยอด และสร้างรายได้ขึ้นมาใหม่ได้ จะช่วยให้สร้างอนาคตของชาติก็คือเด็กๆให้มีภูมิคุ้มกันและมีความเข้มแข็งในอนาคต กสศ.จึงเป็นกองทุนที่สร้างความแตกต่างจากกองทุนอื่นๆที่ผ่านมา คือให้แล้วไม่ใช่หมดไปตรงนั้นเลย แต่สร้างผลลัพธ์ต่อตัวเด็กที่ยั่งยืน” นายสมคะเน กล่าว

ด้าน ดญ. พศิกา ขุนราช นักเรียน ม.2 โรงเรียนราษฎร์บำรุง กล่าวว่า เป็นตัวแทนของเด็กที่ได้รับทุนการศึกษษ ซึ่ง ขอขอบคุณ รมว.ศธ. สพฐ. ผู้ใหญ่ใจดี ที่สร้างโอกาส สร้างอนาคตให้พวกเรา ซึ่งขอสัญญาว่าจะนำเงินที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this