ระวัง! ผู้บริโภคไม่ภักดีต่อแบรนด์

Published on

นีลเส็นศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกเผยถึงระดับของความ ‘ไม่’ จงรักภักดีต่อแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเพียง 8% ของผู้บริโภคทั่วโลกที่เชื่อว่าตนเองเป็นผู้ที่ภักดีต่อแบรนด์หากพูดถึงแบรนด์โปรดของพวกเขา

นีลเส็นสำรวจผู้ใช้อินเตอร์เน็ตกว่า 30,000 รายทั่วโลก ซึ่งเป็นกลุ่มตัวแทนของประชากรออนไลน์กว่า 2,000 ล้านคน ครอบคลุม 64 ประเทศ พบว่า ผู้บริโภคมีความกระตืนรือร้นในการมองหาแบรนด์ใหม่ เนื่องจากมองว่าการทดลองซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่นั้นไม่ได้มีความเสี่ยงมากนัก จากระดับของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา โดย 42% ของผู้บริโภคทั่วโลกบอกว่าพวกเขาชอบลองของใหม่และเกือบครึ่ง (49%) ของผู้บริโภคกล่าวว่าแม้ปกติจะซื้อสินค้าที่ตัวเองรู้จักดีอยู่แล้ว แต่ก็มีโอกาสที่จะเปิดใจลองของใหม่ได้

สำหรับผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกมีความนิยมในการเปลี่ยนแบรนด์มากที่สุดโดย 47% ยินดีที่จะเปลี่ยนแบรนด์หรือลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ตามด้วยแอฟริกาและตะวันออกกลาง (45%) และละตินอเมริกา (42%) แต่ผู้บริโภคในอเมริกาเหนือและยุโรปนั้นมีโอกาสน้อยกว่าที่จะเปลี่ยนแบรนด์ (36% และ 33% ตามลำดับ) ขณะที่ 46% ของผู้บริโภคไทยเปิดรับสิ่งใหม่และมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นเทรนด์เดียวกับชาวเอเชียแปซิฟิก

การที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่กระตือรือร้นที่จะเปิดกว้างและเปิดรับสิ่งใหม่ๆมากขึ้นเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้กับเจ้าของแบรนด์ถึงความเสี่ยงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา” สมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุมาจากการเติบโตและการเปิดรับของผู้บริโภคต่อตลาดอีคอมเมิร์ซที่มากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มตัวเลือกของสินค้าให้กับผู้บริโภคและเพิ่มโอกาสในการรับรู้ข้อมูลสินค้าและตรวจสอบราคา รวมทั้งการขยายตัวของสังคมเมืองในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และจะมีอัตราการเติบโตที่เร่งขึ้นอีกใน 5-10 ปีข้างหน้าจากโครงการเมกะโปรเจ็คหลายโครงการของรัฐ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เห็นได้ว่าเทรนด์ของผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นในการซื้อของหรือสั่งของนั้นมีเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้การเข้าถึงของอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้มีความต้องการความชัดเจนของข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการที่ผู้บริโภคได้รับตัวเลือกที่มากขึ้นนั้นทำให้ทั้งนักการตลาดและผู้ค้าปลีกต่างก็จำเป็นต้องมีความคล่องตัวเพียงพอที่จะเคลื่อนตัว ปรับตัวได้เร็ว ต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและเป็นผู้นำเทรนด์ โดยมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในอนาคต

เมื่อพูดถึงปัจจัยหลักที่มีผลต่อการเลือกแบรนด์ของผู้บริโภคชาวไทย ความคุ้มค่าของเงิน ถือเป็นปัจจัยสำคัญสูงสุด ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยกว่า 52% เห็นพ้องตรงกันว่ามีผลต่อการตัดสินใจของพวกเขาต่อการลองแบรนด์ใหม่หรือเปลี่ยนจากแบรนด์โปรด ตามมาด้วยคุณภาพหรือฟังค์ชั่นการใช้งานที่เหนือกว่า (43%) ทั้งสองปัจจัยนี้ยังได้รับการจัดอันดับสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยกัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้บริโภคในภูมิภาคที่มีอัตราอยู่ที่ 40% ในเรื่องความคุ้มค่าของเงิน และ 42% สำหรับคุณภาพที่เหนือกว่า

นอกเหนือจากสองปัจจัยข้างต้น เรื่องของราคา ประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น และความสะดวกสบายก็ยังเป็นปัจจัยโดดเด่นที่มีผลต่อการเลือกแบรนด์ของคนไทย (43% 43% และ 42% ตามลำดับ)

สมวลี ลิมป์รัชตามร

สมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากเจ้าของแบรนด์ไม่เริ่มคิดใหม่ ทำใหม่ ในการสร้างแคมเปญที่จะช่วยเพิ่มจำนวนหรือรักษาลูกค้าที่ภักดีเอาไว้ ผลกระทบที่ลากยาวจากการที่ผู้บริโภคต้องการตัวเลือกมากขึ้น และมีสิทธิ์ในการเลือกมากขึ้น จะทำให้ตลาดต้องทำการสร้างหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆเพื่อเข้าสู่การแข่งขันหากแบรนด์ต่างๆไม่เริ่มจริงจังในการสร้างฐานลูกค้าที่ภักดี

โดยรวมแล้ว ผู้บริโภคมีความเต็มใจที่จะลองใช้แบรนด์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น โดย 50% ของผู้บริโภคทั่วโลกกล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะลองใช้แบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยลองมาก่อนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อห้าปีที่แล้ว ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เอเชียแปซิฟิก และยุโรปตะวันตก เพียงหนึ่งในสามของผู้บริโภคชอบที่จะลองของใหม่ เนื่องจากสภาพตลาดที่สร้างโอกาสที่จะถูกดึงความสนใจจากสินค้าเดิมนั้นเกิดขึ้นมาซักพักหนึ่งแล้ว จากการที่แพลตฟอร์มการขายสินค้าทั้งออนไลน์และร้านค้าเกิดขึ้นและเติบโตด้วยกันมาเป็นระยะเวลานานแล้ว รวมถึงมีการนำเสนอชั้นวางสินค้าที่มีการสต็อคสินค้าอย่างดี และมีตัวเลือกสินค้าและราคาที่หลากหลาย

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้บริโภคจำนวนเกือบครึ่งในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (50%) ละตินอเมริกา (49%) แอฟริกาและตะวันออกกลาง (42%) ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ใหม่ และมีการตัดสินใจในการเปลี่ยนแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในอดีต การแบ่งประเภทสินค้า

ในตลาดเหล่านี้ในหลายประเทศยังไม่เป็นระบบและมีตัวเลือกเพียงสองถึงสามตัวเลือกบนชั้นวางสินค้าต่อหนึ่งประเภทสินค้า ผู้บริโภคจึงมองหาโอกาสในการลองสิ่งใหม่ ทั้งนี้ 41% ของผู้บริโภคชาวไทยยอมรับว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะลองใช้แบรนด์ใหม่มากกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่าหนึ่งในสี่ (27%) เห็นด้วยว่าพวกเขาทบทวนการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตัวเลือกที่กว้างขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เราเรียกกลุ่มนี้ว่า“ผู้ซื้อที่พิจารณา” และพวกเขามีความสำคัญเพราะแม้ว่าพวกเขาจะเลือกสินค้าอย่างกว้างขวางมากขึ้นกว่าที่เคย แต่ผู้บริโภคกลุ่มนี้บอกว่าพวกเขาชอบที่จะอยู่กับสิ่งที่เคยลองมาในอดีตมากกว่า ซึ่งเจ้าของแบรนด์ต้องใช้เวลามากขึ้นในการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคเหล่านี้เปลี่ยนใจ แต่พวกเขายังคงส่งสัญญาณของความไม่ภักดีต่อแบรนด์สินค้าและพร้อมที่จะเปลี่ยนตลอดเวลา

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this