หน้าแรกTechnologyเทรนด์กำลังมา Self-Storage ห้องเช่าเก็บของ จ่อคิวขายแฟรนไชส์

เทรนด์กำลังมา Self-Storage ห้องเช่าเก็บของ จ่อคิวขายแฟรนไชส์

Published on

ก่อนหน้านี้ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ธุรกิจการเช่าห้องเก็บของสำหรับบุคคลทั่วไป จะเป็นแบบไหน แล้วจะเหมาะกับเมืองไทย ที่มีพื้นที่อยู่มากมายได้อย่างไร จะคุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้นหรือไม่

แต่เมื่อกระแสของการใช้ชีวิตแนวตั้งอย่างคอนโดมีเนียม ห้องพักที่มีขนาดเล็กลง อาจเก็บของรักของหวงได้ไม่หมด รวมทั้งกระแสของแม่ค้าออนไลน์ ที่มีจำนวนสูงขึ้น พร้อมด้วยเทรนด์ของการจัดเก็บของมีค่าอย่าง “ไวน์” ก็กำลังมา ทำให้คำว่าโกดังเก็บของในอดีต เปลี่ยนหน้าตาให้มีขนาดที่คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมศักยภาพของการจัดเก็บที่มากกว่า เป็นอีกเทรนด์ที่เรียกได้ว่า….กำลังมา

ภักดี อนิวรรตน์

นายภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ผู้นำการให้บริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สิน (Self-Storage) ระดับพรีเมียมของประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจ Self-Storage ในประเทศไทย เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ตามไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ ที่นิยมอาศัยอยู่ในย่านกลางเมือง พร้อมกับผู้ประกอบการด้านการค้าออนไลน์ และกิจการรูปแบบอื่นๆ ที่มีความต้องการใช้บริการเช่าพื้นที่เก็บของหรือสต็อกสินค้า

สำหรับภาพรวมตลาด Self-Storage ปี 61 บริษัทประเมินว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรพย์ ขณะที่ปัจจุบันตลาดพื้นที่เช่าเก็บของในไทยมีพื้นที่รวมอยู่ที่ประมาณ 15,000 ตร.ม. และคาดว่ามูลค่าตลาดพื้นที่เช่าเก็บของในไทยอีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 ตร.ม. ในขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ให้บริการอยู่ที่ประมาณ 2,500 ตร.ม. โดยบริษัทตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 30%

ทั้งนี้ บริษัทได้ทำการตลาดแนะนำบริการ “i-Store” กับกลุ่มลูกค้าที่มีบ้าน คอนโดมิเนียม และกลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ อีกทั้งได้มีการเปิดสาขาให้บริการแล้ว 2 แห่งที่สีลม และสุขุมวิท 24 ซึ่งในช่วงต่อจากนี้บริษัทจะขยายงานในส่วนต่างๆ ทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายปีหน้าเปิดสาขาให้บริการ i-Store ทั่วกรุงเทพฯ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) อีกจำนวน 3 แห่ง และมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท

สำหรับแนวทางการตลาดในปีนี้บริษัทจะเน้นการสื่อสารให้แบรนด์ i-Store เป็นที่เชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค พร้อมทั้งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความคุ้มค่าของการเลือกใช้บริการเช่าพื้นที่เก็บของที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยสูง ตามสโลแกน “ของที่คุณรักต้องฝากกับเพื่อนที่รู้ใจ” โดยบริการของบริษัทมีทั้งหมด 4 บริการ ประกอบด้วย บริการห้องเก็บของส่วนบุคคล, บริการห้องเก็บของสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ, บริการห้องเก็บไวน์ และบริการ BOX STORAGE โดยมีขนาดห้องตั้งแต่ 0.5 ตร.ม. จนถึง 18 ตร.ม. และมีระดับราคาของทั้ง 4 บริการอยู่ระหว่าง 900-20,000 บาทต่อเดือน

“i-Store ทำตลาดโดยเน้นฐานลูกค้ากลุ่มที่อาศัยในคอนโดในเมือง กลุ่มผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ออฟฟิศสำนักงานต่างๆ ซึ่งการเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้เป้าหมายไม่ใช่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงยอดขายในตลาด แต่ต้องการเป็นตัวช่วยให้คนเมืองได้มีพื้นที่ใช้สอยภายในที่พักอาศัยมากขึ้น ด้วยการเดินทางที่สะดวกใกล้รถไฟฟ้า BTS มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีคุณภาพ มีสภาพแวดล้อมของสถานที่มีระบบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบป้องกันเพลิงไหม้ มีคีย์การ์ด เข้า-ออกอาคาร และใช้สแกนขึ้นลิฟต์ไปในชั้นของตัวเองได้เท่านั้น พร้อมควบคุมระบบแสงไฟ พัดลมระบายอากาศและเซ็นเซอร์ระบบไฟส่องสว่าง ผู้ใช้บริการสามารถเข้ามาเอาของได้ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ทุกวัน เพียงแค่มีคีย์การ์ดเพียงใบเดียว”นายภักดี กล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังมีการขยายฐานผู้ใช้บริการโดยร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดย i-Store ได้ร่วมมือกับ บมจ.แสนสิริ ในการยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตเพื่อลูกบ้านแสนสิริ โดยสามารถเลือกใช้บริการของ i-Store ผ่าน Application HOME SERVICE 2.0 บน ฟีเจอร์ SANSIRI MOVE-IN EXPERIENCE ในกลุ่ม MOVING บริการให้เช่าห้องเก็บของ (Self-Storage) และ กลุ่ม EASY LIVING บริการให้เช่าห้องเก็บไวน์ (Wine Storage) พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษที่เหนือกว่าให้กับลูกบ้านแสนสิริโดยเฉพาะ คาดว่าแคมเปญนี้จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกบ้านของแสนสิริ ที่ i-Store จะเป็นตัวช่วยให้ลูกบ้านมีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน หรือคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้น

นายภักดี กล่าวต่อไปว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชส์เพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดรูปแบบและรายละเอียดในการลงทุน คาดว่าจะเริ่มเปิดขายแฟรนไชส์ได้ภายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มให้ข้อมูลกับผู้สนใจแล้วหลายราย โดยกลุ่มผู้สนใจมีทั้งที่มีความคุ้นเคยในธุรกิจพื้นที่เช่าอาคารสำนักงาน รวมถึงมีแหล่งเงินทุนพร้อมอยู่แล้ว และกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่มีประสบการณ์ แต่มี Asset และต้องการร่วมธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชส์

อีกทั้งบริษัทวางแผนเตรียมจะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่าน LiVE platform ในการระดมทุนในรูปแบบคราวด์ฟันดิ้งและการซื้อขายหลักทรัพย์ในรูปแบบเจรจาต่อรอง (Over The Counter: OTC) ซึ่งเป็นการซื้อขายที่เรียกว่าระบบนอกตลาด โดยเป็นการตกลงกันเองระหว่างผู้ลงทุนโดยชำระราคา และส่งมอบกันนอกระบบตลาด ทั้งนี้คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในภายในปีนี้

Latest articles

ผลงานเก๋ไก๋ เดินไปยิ้มไป คราฟต์ไทยร่วมสมัย Crafts Bangkok 2025

ของบางอย่างแค่ได้ชมก็ชื่นใจ วันนี้จึงยากชวนไปเดินชมงานนี้ “Crafts Bangkok 2025” งานที่รวบรวมไอเดียเก๋ไก๋จากศิลปินไทย ในเส้นทางของศิลปหัตถกรรมไทยร่วมสมัย บอกได้เลยว่างานนี้ เดินไป ยิ้มไป อย่างแน่นอน

“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หนุน SACIT ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางหัตถกรรมแห่งอาเซียน

กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT เดินหน้ายกระดับศิลปหัตถกรรมไทยสู่เวทีสากล เปิดตัวงาน “Crafts Bangkok 2025” อย่างยิ่งใหญ่ มุ่งผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหัตถกรรมแห่งอาเซียน ผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัยและนวัตกรรม สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่...

ละมุนแบบหนุ่มเชียงราย ร้านอาหารเหนือรสเข้มข้นมีสไตล์ ที่ “ครัวเม็งราย”

อาหารเหนือก็มีศิลปะการทำอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ นำมาซึ่งรสชาติ รสสัมผัส รวมทั้งกลิ่นหอมจากเครื่องสมุนไพรเฉพาะถิ่น หลายเมนูเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนทุกภาค

vivo จับมือ UNESCO – วารสารศาสตร์ มธ. ปั้น โครงการ vivo Academy Capture the Future

vivo ประกาศความร่วมมือ กับองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) และคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดตัวโครงการ “vivo Academy Capture the Future” กิจกรรมบูทแคมป์ถ่ายภาพเพื่อพัฒนาทักษะและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ให้แก่เหล่าเยาวชน

More like this