Van Cleef & Arpels: Time, Nature, Love ความเกริกไกรในอาณาจักรแห่งเมซง

Published on

นิทรรศการ Van Cleef & Arpels: Time, Nature, Love ซึ่งจะจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์สถาน D Museum ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน 2023 จนถึงวันที่ 14 เมษายน 2024 นี้ เป็นการแสดงความเกริกไกรในอาณาจักรแห่งเมซงผู้สร้างสรรค์เครื่องประดับชั้นสูงผ่านการรวบรวมผลงานเครื่องประดับอัญมณี, นาฬิกาข้อมือ และศิลปวัตถุล้ำค่ากว่า 300 ชิ้น ซึ่งมีการสรรค์สร้างขึ้นนับแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1906 อีกทั้งยังรวมถึงงานต้นแบบกว่า 90 ชิ้นจากแผนกจัดเก็บเอกสาร และหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมซง

ในโอกาสสำคัญอันหาได้ยากยิ่งครั้งนี้ บรรดาเอกสารสำคัญตลอดจนภาพวาดลายเส้นร่างแบบ และภาพลงสีกูยาชระบุรายละเอียดทางการขึ้นแบบ อันล้วนถือเป็นขั้นตอนแรกในกระบวนการสร้างสรรค์ ต่างถูกรวบรวมมาจัดแสดงเคียงข้างกับเหล่าผลงานล้ำค่าจากคอลเลกชันส่วนตัวของ Van Cleef & Arpels เช่นเดียวกับเหล่าชิ้นงานซึ่งหยิบยืมมาจากคอลเลกชันส่วนตัวของบุคคล หรือสถาบันต่างๆ

จากการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันของภัณฑารักษ์สำหรับนิทรรศการครั้งนี้ ซึ่งก็คือ ‘อัลบา กัปปาเลียริ’ (Alba Cappellieri) นักวิชาการสัญชาติอิตาเลียน อีกทั้งยังเป็นนักเขียน และผู้อำนวยการฝ่ายประจำแผนกเครื่องประดับแฟชัน และอัญมณี Jewelry & Fashion Accessories ของวิทยาลัยสารพัดช่างแห่งกรุงมิลาน (Politecnico di Milano)

นาฬิกาตั้งโต๊ะปีค.ศ. 1928
แพลทินัม, พลอยน้ำสมุทรลาพิซลาซูลิ, นิลกาฬออนิกซ์,
หินคริสตัล, งานลงยา, เพชร

ผลงานทั้งหลายซึ่งถูกนำมาจัดแสดงครั้งนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ประกอบไปด้วย “กาลเวลา” (Time), “ธรรมชาติ” (Nature) และ “ความรัก” (Love) เพราะศิลปะแห่งเครื่องประดับอัญมณีมีความเกี่ยวพันซับซ้อนกับช่วงเวลาของแต่ละยุคสมัย โดยอาศัยการจัดสัดส่วนอันได้สมดุลระหว่างบทบรรจบของกระแสยุคสมัย ซึ่งจะผันผ่านไปอย่างรวดเร็วตามกาลเวลา กับการเป็นวัตถุให้จับต้อง ซึ่งจะคงอยู่เป็นการถาวร เช่นเดียวกับกระบวนการผลิต ที่ดำเนินขึ้นตามแบบแผน หรือขนบธรรมเนียมดั้งเดิมกับคุณค่าของการเป็นผลงานสะท้อนถึง “แฟชัน” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือกระแสสมัยนิยม

สร้อยคอปีค.ศ. 1974
ตัวเรือนทองคำเฉดเหลืองรองรับงานฝังมรกต, นิลกาศ และเพชร
Van Cleef & Arpels Collection
สร้อยแผงคอ (Collaret) ปีค.ศ. 1939 ตัวเรือนแพลทินัมฝังเพชร เคยอยู่ในคอลเลกชันเครื่องประดับส่วนพระองค์ของสมเด็นพระราชินีนาซลีแห่งอียิปต์

นิทรรศการครั้งนี้จึงเป็นบทสรุปความสามารถอันเป็นเลิศของ Van Cleef & Arpels ในการนำเศษเสี้ยวแห่งความเป็นศตวรรษที่ 20 แง่มุมต่างๆ จากแต่ละยุคมาร้อยเรียงอย่างต่อเนื่องพร้อมกันในคราวเดียวเพื่อถ่ายทอดค่านิยมแห่งความงามอันอยู่เหนือกระแสสมัยนิยม และยังแสดงถึงพลังทางการสร้างสรรค์ที่จะจุดประกายความรู้สึก ปลุกจินตนาการขึ้นในใจของผู้พบเห็น

Livre VCA Horlogerie 2008

ด้วยแรงบันดาลใจจาก “ประมวลหกหมายเหตุของสหัสวรรษต่อไป” หรือ Six Memos for the Next Millennium ผลงานของนักเขียนอิตาโล กัลวิโน (นักเขียน และนักข่าวหนังสือพิมพ์ชื่อดังผู้มีอายุอยู่ระหว่างปีค.ศ. 1923-1985) อัลบา กัปปาเลียริได้เลือกแนวคิดหลักทางบริบทงานเขียนชิ้นนี้มาใช้ตีความการสรรค์สร้างผลงานต่างๆ ของเมซง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นว่าด้วยความสอดคล้อง หรือความเกี่ยวพันกับช่วงเวลาของแต่ละยุคสมัย

ดังนั้นการจัดแสดงลำดับแรกอันได้แก่ Time หรือ “กาลเวลา” จะครองพื้นที่การจัดแสดงถึงสิบห้องเพื่อเป็นเล่าเรื่องราวแง่มุมต่างๆ อันถือเป็นสัญลักษณ์ หรือตัวแทนของช่วงเวลาตามยุคสมัย

กำไลข้อมือแถบลูกไม้รัดขา “Jarretière” (ฌารเรอติแอร) ปีค.ศ. 1937
ตัวเรือนแพลทินัมฝังทับทิมขึ้นลายในกรอบเพชร
เคยเป็นเครื่องประดับในคอลเลกชันส่วนตัวของมาร์เลน ไดทริช
สร้อยคอสายซิปปีค.ศ. 1951
สามารถดัดแปลงไปเป็นกำไลข้อมือได้
ตัวเรือนทองคำเฉดเหลืองประกอบทองคำสีกุหลาบแต่งรายละเอียดด้วยเพชรและทับทิม

โดยที่ปฐมบทของผลงานกลุ่มนี้ จะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับมหานครปารีสภายใต้ชื่อหัวข้อ Paris และตามมาด้วย Elsewhere หรือ “อารยศิลป์ต่างถิ่น” ก่อนจะเป็นห้าค่านิยมสำคัญตามแนวทางของกัลวิโน นั่นก็คือLightness อันหมายถึง “ความเบา”, Quickness คือ “ความเร็ว”, Visibility คือ “ความชัดเจน”, Exactitude หมายถึง “ความแม่นยำ” และ Multiplicity ซึ่งก็คือ “ความหลากหลาย” ส่วนห้องถัดๆ ไปคือการแสดงผลงานอันเป็นจุดบรรจบทางความคิด หรือแรงบันดาลใจที่เรียกว่า Intersections นั่นก็คือการสรรค์สร้างผลงานซึ่งเชื่อมโยงถึงศิลปะแขนงอื่นๆ อย่างแฟชัน หรือศิลปะทางการตัดเย็บ, ศิลปะนาฏกรรม และสถาปัตยกรรม

เข็มกลัดปักษาสวรรค์ (Bird of Paradise clip) ปีค.ศ. 1942
ตัวเรือนทองคำเฉดเหลืองประกอบแพลทินัม, ทับทิม,ไพลิน, เพชร

จากนั้น ผลงานส่วนที่สองของนิทรรศการก็คือการยกย่องธรรมชาติหรือ Nature อันประกอบไปด้วยผลงานกลุ่ม “สัตวชาติ” (Fauna), “รุกขชาติ” (Botany) และ “พฤกษชาติ” (Flora) ท้ายที่สุด ในห้องจัดแสดงผลงานซึ่งอาศัยแรงบันดาลใจจากความรักหรือ Love ก็จะสะกดอารมณ์ของผู้เข้าชมไปกับสัญลักษณ์ และของขวัญสื่อรัก อันล้วนเป็นบทสรุปอำนาจแห่งหลากอารมณ์ ในขณะเดียวกัน บางชิ้นก็เป็นตัวแทนตำนานรักสุดโรแมนติกแห่งศตวรรษที่ 20

เข็มกลัดโรมิโอกับจูเลียตประมาณปีค.ศ. 1951
ทองคำเฉดเหลืองประดับงานมรกต, ทับทิม, ไพลิน และไข่มุกเลี้ยง

ผลงานหายากที่ผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเหล่านี้ ถูกนำมาจัดวางท่ามกลางภาพมิตินิทรรศการอันชวนให้ดื่มด่ำประทับใจจากฝีมือของศิลปิน-นักออกแบบสากลโยฮานนา กราวุนเดอร์ (Johanna Grawunder) ผู้ใช้แสงสีจากหลอดไฟนีออนสร้างบรรยากาศลึกลับสุดวิจิตรบรรจงบนพื้นที่จัดงาน รวมถึง “ประติมากรรมโปร่งใสไร้ตัวตน” ในห้องจัดแสดงผลงานกลุ่ม “ความรัก” หรือ Love พร้อมกันนั้น ไมกาล บาตอรี นักออกแบบกราฟิกยังมาร่วมประดิษฐ์ตัวอักษรเฉพาะกาล และวิดิทัศน์พิเศษสำหรับนิทรรศการครั้งนี้ ทั้งสองได้ร่วมกันยกย่องสไตล์อันอยู่เหนือกระแสความนิยมทางยุคสมัยของเมซงให้ปรากฏอย่างชัดเจน

นิทรรศการ “กาลเวลา, ธรรมชาติ และความรัก” หรือ Time, Nature, Love คือการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ค้นพบ ทำความรู้จัก และเข้าใจต่อมุมมองสุนทรีย์ในผลงานต่างๆ ซึ่ง Van Cleef & Arpels อาศัยทักษะความชำนาญทางหัตถศิลป์งานฝีมือในการหลอมรวมองค์ประกอบต่างๆ ให้กลมกลืนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จนควรค่าต่อการเป็น “ศิลปะ” อย่างแท้จริง

สร้อยคอ “อิซเมียร์” (Izmir necklace)

ตัวเรือนทองคำขาวประกอบทองคำเฉดเหลือง และทองคำสีกุหลาบ รองรับงานประดับไพลินสีเหลือง, พลอยดอกตะแบก แอเมทิสต์, บุษย์น้ำทองซิทริน, โอปอล, โกเมนสีส้มสเปซซาไทท์, ทุรมาลีสีชมพู, พลอยสปีเนลหลากสี และเพชร

สร้อยคออิซเมียร์เป็นส่วนหนึ่งในคอลเลกชันเครื่องประดับชั้นสูง “ตำนานลีลาศ” หรือ Bals de Légende (บาลส์ เดอ เลชองด์) ของปีค.ศ. 2011 ซึ่งอาศัยแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์มาจากงานลีลาศครั้งสำคัญทั้งห้าระหว่างศตวรรษที่ 20 สำหรับผลงานชิ้นนี้คือบทอ้างอิงถึง “บูรพาลีลาศ” หรือ Oriental ชื่องานราตรีสังสรรค์ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมลองแบรต์ กรุงปารีสในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1969

โดยบารอนอเล็กซีส์ เดอ  เรเด (มีชีวิตอยู่ระหว่างค.ศ. 1922-2004) สุภาพบุรุษคนดังแห่งวงสังคมชั้นสูงยุคนั้น ความหรูหราจนเป็นที่เลื่องลือระดับตำนานของงานราตรีลีลาศครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากบรรยากาศตกแต่งสถานที่จำลองแบบมาจากโรงมหรสพอันได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “พันหนึ่งราตรี” (One Thousand and One Nights) นิยายรวมนิทานก่อนนอนชื่อดังแห่งตะวันออกกลาง ร่วมกันจินตนาการถึงมหานครอิซเมียร์ เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของประเทศตุรกี ดินแดนซึ่งเต็มไปด้วยปราสาทราชวังมากมาย อันล้วนมีประวัติยาวนานมาจากครั้งจักรวรรดิอ็อตโตมาน

โครงสร้างตอนบนของวงตัวเรือนอาศัยงานทองคำขาวฝังเพชรจำลองแบบทิวทัศน์หมู่อาคารราชวังแห่งอิซเมียร์ โดยใช้รัตนชาติหลากเฉดโทนอบอุ่นอาทิพลอยดอกตะแบกแอเมทิสต์, โกเมน, บุษย์น้ำทองซิทริน, ทุรมาลีสีชมพู และพลอยสปีเนลหลากสีเจียระไนทรงหัวหอมรองรับงานสลักลายตามแบบยอดโดม อันถือเป็นเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมตะวันออกกลาง และทวีความโดดเด่นยิ่งด้วยโครงสร้างตอนล่างของวงตัวเรือนประกอบงานร้อยลูกปัดโกเมนเรียงแถวลดหลั่นตามลำดับความยาวเคียงขนานมาสู่จุดรวมสายตา และสะกดอารมณ์ของไพลินสีเหลืองขนาด 50.79 กะรัตตรงศูนย์กลาง

 

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this