ตลาดน้ำหอมไทยกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดจากแรงส่งของ Soft Power ไทยและรายได้จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยขยายดีมานด์สินค้าไลฟ์สไตล์และความงามของไทยสู่ตลาดโลก Butterfly Thai Perfume คือหนึ่งในผู้เล่นที่ผลักดันกระแสนี้มาตลอดทศวรรษ ด้วยสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 60% และกลายเป็นหนึ่งในของฝากที่นักท่องเที่ยวเลือกซื้อเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อมาเยือนประเทศไทย
สิ่งที่ตอกย้ำความสำเร็จได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อ Butterfly Thai Perfume คว้ารางวัลสำคัญ Niche Perfumer Award จากเวที Asia Perfume Foundation ด้วยผลงาน “KALI GIRL” น้ำหอมที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากมิติทางสังคมของไทย สะท้อนเรื่องราวชีวิตในเมือง วัฒนธรรมย่านเก่า และความเป็นจริงของอาชีพโสเภณีที่เคยถูกตีตรา ผ่านมุมมองใหม่ว่าทุกคนมีคุณค่าและควรได้รับการมองเห็น กลิ่นจึงไม่ใช่เพียงน้ำหอม แต่เป็นบทสนทนาทางวัฒนธรรมที่ท้าทายกรอบความเชื่อเดิม ๆ ซึ่งนานาชาติชื่นชมในความกล้าคิด กล้าสื่อสาร และความเป็นไทยที่แตกต่าง
ชิน–สุชิน แก้วอุดร ผู้ก่อตั้ง Butterfly Thai Perfume กล่าวถึงแนวคิดของกลิ่น “KALI GIRL” รวมถึงแนวทางในการพัฒนาแบรนด์ว่า “แบรนด์ไม่ได้เพียงหยิบแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังตั้งใจใช้กลิ่นเป็นพื้นที่พูดถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ ผ่านเรื่องราวของผู้หญิงที่มักถูกมองอย่างไม่เป็นธรรมในสังคม โดยหลายคนทำอาชีพโสเภณีเพื่อการยังชีพ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใด แต่กลับเผชิญอคติที่สังคมสืบทอดมายาวนาน ทั้งที่ในอดีตอาชีพนี้ต้องผ่านการฝึกฝน ความประณีต ไหวพริบ การวางตัว และเสน่ห์เฉพาะตัว นับเป็นศิลปะแห่งความเป็นหญิงที่ทรงพลังและน่าชื่นชม
เสน่ห์และพลังในภาพเหล่านั้น ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้าง KALI GIRL กลิ่นที่สะท้อนความมั่นใจ ความแหลมคม ความสวยในแบบที่ผู้หญิงเลือกเอง รวมถึงศักดิ์ศรีของคนที่ยืนอยู่บนเส้นทางชีวิตด้วยความเข้มแข็ง ซึ่งผมตั้งใจพัฒนาวัตถุดิบไทยผ่านการทำงานร่วมกับชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เรื่องราวและคุณค่าของถิ่นฐานถูกส่งต่ออย่างงดงามควบคู่ไปกับการเล่าเรื่องคุณค่าของผู้คน”

โดยปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์แบ่งเป็น ชาวต่างชาติ 60% อาทิ จีน อินโดนีเซีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ รวมถึงยุโรปบางส่วน เป็นไอเท็มที่นักเดินทางเลือกซื้อซ้ำเมื่อต้องการของขวัญที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างร่วมสมัย และกลุ่มคนไทย 40% ที่สนใจผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ ท่องเที่ยว งานออกแบบ และมองหาเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา Butterfly Thai Perfume ถือเป็นแบรนด์ไทยที่วางรากฐานอย่างชัดเจน ด้วยการผสมผสานอัตลักษณ์ไทยเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่อย่างสมดุล จนสร้างจุดขายไม่ซ้ำใครในตลาดที่แบรนด์ต่างประเทศครองส่วนแบ่งสูง ด้วยกลยุทธ์ที่น่าสนใจอย่างการ Storytelling ขายความทรงจำ มากกว่าขายผลิตภัณฑ์ กลิ่นส่วนใหญ่เกิดจากการเดินทางทั่วไทย นำเรื่องราว วิถีชีวิต และบรรยากาศของเมืองต่างๆ มาสร้างเป็นกลิ่น
ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นโคลนสาบควาย หรือกลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง, การผสานเทคนิคโบราณเข้ากับสูตรสมัยใหม่ โดดเด่นด้วยการนำวิธีทำน้ำอบน้ำปรุงแบบโบราณมาผสมกับเทคนิคสมัยใหม่เพื่อลดการใช้สารเคมี และสร้างกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์, กลยุทธ์แห่งการความสุข (Sense of Happiness)
แบรนด์ไม่พึ่งการโฆษณาหนัก แต่ใช้การสร้างความสุข ความภูมิใจ และการบริการแบบเพื่อนบ้านให้เกิดการบอกต่อแบบออร์แกนิก และ สร้างมูลค่าจากทรัพยากรไทยแท้ เพิ่มคุณค่าจากวัตถุดิบไทย โดยเฉพาะไม้กฤษณา มูลค่าราว 500,000 บาท/กก. ซึ่งเป็นหัวใจของเครื่องหอมระดับโลก และเป็นวัตถุดิบที่แบรนด์ตั้งใจผลักดันให้ไทยเป็นผู้ส่งออกแบบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไม่ใช่เพียงวัตถุดิบดิบ
โดยในปีหน้า Butterfly Thai Perfume เตรียมเปิดตัว Oud Collection ที่ใช้น้ำมันไม้กฤษณาไทยคุณภาพสูง ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะดูไบให้ความต้องการสูง แบรนด์วางกลยุทธ์เป็น “Value-Added Export” คือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปก่อนส่งออก เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้มากขึ้น ควบคู่กับการรุกตลาดต่างประเทศผ่านการออกงานระดับสากล อาทิ อังกฤษ, ญี่ปุ่น และดูไบ ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ Butterfly Thai Perfume เติบโตตามเป้าหมาย 200% ในปี 2569
ความสำเร็จของ Butterfly Thai Perfume ไม่ได้เกิดจากสูตรน้ำหอมเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากโมเดลธุรกิจที่ใช้ทั้งอัตลักษณ์, เรื่องราว และทรัพยากรไทย จนสามารถสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาค และกลายเป็นกรณีศึกษาการสร้างแบรนด์ไทยที่ใช้ Soft Power ได้อย่างสร้างสรรค์ เฉกเช่น น้ำหอมกลิ่น “KALI GIRL” ที่สามารถเล่าเรื่องความเป็นไทยผ่านมุมมองที่กล้าหาญแต่ให้เกียรติ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลได้จริง และอาจเป็นก้าวสำคัญที่พาแบรนด์ไทยเข้าสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน

