โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ เผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ “ผนังกั้นหมอนรองกระดูก” โครงสร้างเล็ก ๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่สามารถเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะ หมอนรองกระดูกปลิ้น ได้ แม้ไม่ได้ยกของหนัก หรือทำกิจกรรมผิดท่า
นพ.พร นริศชาติ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ อธิบายว่า “โดยปกติผนังกั้นหมอนรองกระดูกจะทำหน้าที่เสมือนกำแพง ป้องกันไม่ให้หมอนรองกระดูกปลิ้นเข้าไปกดทับเส้นประสาท แต่หากผนังกั้นบาง หรือ อ่อนแอกว่าปกติ ความสามารถในการพยุงแรงดันก็ลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการปลิ้นได้ง่ายขึ้น แม้เพียงการใช้งานหลังตามปกติ”
จากงานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า ปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนถึง 30% ต่อการเกิดหมอนรองกระดูกปลิ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีผนังกั้นบางตั้งแต่กำเนิด หรือโพรงไขสันหลังแคบ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงเร็วกว่าคนทั่วไป และถึงแม้พันธุกรรมหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีผลถึง 70% เช่น การนั่งนาน ก้มยกของผิดท่า ใช้โทรศัพท์ในท่าก้มคอนาน ๆ หรือมีน้ำหนักเกิน ล้วนเพิ่มแรงกดต่อกระดูกสันหลัง และทำให้อาการเกิดเร็วขึ้น
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม คือ ปวดร้าวลงแขนหรือขา ชาหรือเสียวฟันในแนวเส้นประสาท กล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินไม่มั่นคง และ กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางทันที
นพ.พร กล่าวทิ้งท้ายว่า “การป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ สำคัญที่สุด หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ หรือเริ่มมีอาการผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อการดูแลที่ถูกต้องและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน”
โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ พร้อมเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพกระดูกสันหลังและข้อแบบครบวงจร ตั้งแต่การป้องกัน การตรวจวินิจฉัย ไปจนถึงการรักษาด้วยมาตรฐานสากล เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น