“บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล” หรือ TMAN โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 รายได้รวม 535.5 ล้านบาท เติบโต 2.8% กำไรสุทธิ 106.8 ล้านบาท เติบโต 8.0% ดันผลงานครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 1,135 ล้านบาท เติบโต 2.2% ทำกำไรสุทธิ 228.7 ล้านบาท เติบโต 4.1% เตรียมส่งนวัตกรรมและสินค้าใหม่พลิกโฉมการดูแลสุขภาพขานรับไฮซีซัน ด้านบอร์ดฯ เคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 0.24 บาท เดินแผนครึ่งปีหลังขับเคลื่อนรายได้ปี 2568 เติบโต 10-15%
ประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน)หรือ TMAN หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ ทำรายได้รวมจากการขายและรายได้อื่น 535.5 ล้านบาท เติบโต 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และทำกำไรสุทธิ 106.8 ล้านบาท เติบโต 8.0% จากปีก่อน (YoY)
โดยประสบความสําเร็จอย่างโดดเด่นในการเจาะตลาดโรงพยาบาลที่เติบโต 45 % จากปีก่อน (YoY) สะท้อนถึงศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งในช่องทางตลาดยาที่มีมูลค่าสูง ส่งผลให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568 (มกราคม-มิถุนายน) โดยมีรายได้รวมทั้งจากการขายและรายได้อื่น 1,135 ล้านบาท เติบโต 2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และทำกำไรสุทธิ 228.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อน (YoY)
ตอกย้ำถึงกลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตอย่างชัดเจน ทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การเพิ่มสินค้าจำหน่ายในช่องทางต่างๆ การขยายธุรกิจดิสทริบิวเตอร์ การรับจ้างผลิต (OEM) และรุกขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดผลการดำเนินงาน 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2568 อัตราหุ้นละ 0.24 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 25 สิงหาคม นี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 กันยายน 2568
ทั้งนี้ความสำเร็จดังกล่าว มาจากผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ที่เปิดตัวปลายปี 2566 สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่องทางโรงพยาบาลจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังทำให้ยาแผนปัจจุบันรายการอื่นๆ สามารถเข้าจำหน่ายในช่องโรงพยาบาลได้มากขึ้น
ส่วนช่องทางธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และร้านค้าปลีกเฉพาะเติบโต 31% จากการเพิ่มสินค้าใหม่ และช่องทางคลินิกเติบโตถึง 21.5% จากกลยุทธ์ One-stop Service นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลายประเภท พร้อมสร้างทีมผู้แทนขายที่เข้าถึงลูกค้าเชิงรุกช่วยขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ร้านขายยารายได้ปรับตัวลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงรักษาความแข็งแกร่งของเครือข่ายร้านขายยาเพื่อต่อยอดและสร้างโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ส่วนรายได้จากยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง และรายได้จากผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ ใกล้เคียงกับปีก่อน จากการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายตามแผนงาน และคาดการณ์รายได้เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง
สำหรับรายได้ในต่างประเทศปรับตัวลดลงจากปีก่อน โดยมีแรงกดดันจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมา ซึ่งคาดว่ายอดขายจะกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตามจากการ รุกหาพันธมิตรและตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากลูกค้ารายอื่นเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในปีนี้ โดยมีแผนร่วมมือกับดิสทริบิวเตอร์รายใหม่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น โอมาน ซาอุดิอาระเบีย ผ่านกลุ่มสินค้าแบรนด์โพรโพลิซ (Propoliz Series) และทีมต่างประเทศได้นำเสนอสินค้าเพื่อเปิดรับพันธมิตรใหมในงานแฟร์ระดับโลก เช่น งาน Vitafood Arab health
ขณะที่กําไรขั้นต้นไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 269.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6 ล้านบาท หรือเติบโต 10.9% สอดคล้องกับรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 50.8% จากปีก่อน (YoY) อยู่ที่ 46.9 % ทำให้บริษัทฯ รักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 19.9%
โดยเป็นผลจากกลยุทธ์การขยายตลาดผ่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน (Generic Drug) ภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ (Own Brand) แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายสูงจากการเพิ่มผู้แทนจำหน่าย บริษัทฯ ก็มุ่งบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงและใช้ประโยชน์จากขนาดการผลิต (Economies of Scale) และขยายรายได้ไปยังช่องทางลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น
ส่งผลให้บริษัทฯ ทำอัตรากำไรสุทธิสูงกว่า 20% อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงโครงสร้างทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญอยู่ในระดับมั่นคง รองรับการเติบโตในอนาคต
ประพล กล่าวว่า แผนธุรกิจครึ่งปีหลังจะมุ่งขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้ากลุ่มยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และกลุ่มสมุนไพรภายใต้แบรนด์สินค้าหลักของบริษัทฯ รับกับเทรนด์การรักษาและดูแลสุขภาพในเชิงป้องกัน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของบริษัทฯ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารเสริมที่มีนวัตกรรมช่วยดูแลสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม (Wellness)
โดยปลายไตรมาส 3/2568 จะเปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ได้แก่ แบรนด์ Vita c และโพรโพลิซ (Propoliz Series) เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Alpha และผลักดันสินค้าประเภทยาแผนปัจจุบัน NCD และโพรโพลิซ พลัส (Propoliz pluz) สู่ตลาดกลุ่มโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น
รวมถึงเตรียมขยายไลน์การผลิตอาหารเสริมประเภทน้ำและพัฒนาไลน์การผลิตสมุนไพร เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการการวิจัยและพัฒนาสินค้ารวมถึงปรับปรุงการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ตลอดจนมุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจที่มีศักยภาพ ทั้งการรับจ้างผลิต (OEM) และธุรกิจดิสทริบิวเตอร์เวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยการขยายฐานลูกค้าใหม่นอกจากแบรนด์สำคัญอย่างบริษัท เบอร์แทรม 1958 จำกัด และแบรนด์ “โฟต้าเจล” (Fotagel) สินค้าจาก “แดวอน (Daewon)” บริษัทยาชั้นนำจากเกาหลีใต้ เพื่อยกระดับความสามารถการกระจายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นและใช้ศักยภาพของธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“ด้วยแรงขับเคลื่อนจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ การเพิ่มศักยภาพกำลังการผลิตทั้งยาแผนปัจจุบัน อาหารเสริม และสมุนไพร การขยายตลาดต่างประเทศ และการรุกธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ชั้นนำ คาดว่าบริษัทฯ จะสร้างการเติบโตได้ 10-15% เทียบกับปีก่อน” ประพล กล่าว