IED ระเบิดอารมณ์ชั่ววูบ โกรธรุนแรงเกินต้าน ความผิดปกติทางจิต ที่อาจซ่อนอยู่ในตัวคุณ

Published on

เชื่อว่าทุกคนเคยมีอารมณ์โกรธ หลายคนเคยแสดงออกถึงความก้าวร้าว รุนแรง เนื่องจากเกิดความไม่พอใจ และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ จนนำมาซึ่งการระเบิดอารมณ์ หรือแสดงความรุนแรงอย่างฉับพลัน ก่อให้เกิดผลกระทบต่อตัวเอง ผู้ถูกกระทำ สังคมรอบข้าง รวมทั้งครอบครัว

หากเหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นในครอบครัว ย่อมทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ญาติ ๆ รวมทไปถึงเพื่อนฝูง เกิดความกังวลไม่น้อย ขณะที่ตัวผู้ที่มีภาวะนี้ก็อาจจะต้องเจ็บปวดกับความผิดพลาด อับอายต่อสิ่งที่ทำลงไป และอาจจะนำไปสู่ภาวะความกดดันที่มากขึ้น

ในทางจิตวิทยา ผู้ใหญ่หรือเด็กที่มีอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรงเกินปกติ อาจจะเป็นหนึ่งในอาการของโรคที่ชื่อว่า IED หรือ ภาวะระเบิดอารมณ์ชั่ววูบ

โรค IED คืออะไร

IED หรือ ภาวะระเบิดอารมณ์ชั่ววูบ (Intermittent Explosive Disorder) เป็นอาการผิดปกติทางสุขภาพจิต ประเภท impulse-control disorder ที่คนที่เป็นจะมีอาการระเบิดอารมณ์โกรธหรือก้าวร้าวอย่างรุนแรงและฉับพลัน ซึ่งไม่สัมพันธ์กับสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดอารมณ์เหล่านั้น และมักมีผลกระทบทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น

อาการของโรค IED

อาการโดยทั่วไป ได้แก่:

การระเบิดอารมณ์อย่างฉับพลัน (verbal outbursts) และ/หรือการกระทำก้าวร้าว (shoving, punching, property damage) ที่ไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์

ชั่วขณะก่อนอาการระเบิดอาจรู้สึกตึงเครียด ใจสั่น มือสั่น หายใจเร็วจนถึงมีอาการทางกายอื่น ๆ เช่น หน้าแดง

หลังจากนั้นอาจรู้สึกโล่งใจ รู้สึกเสียใจ หรืออับอายตามมา

ในสหรัฐอเมริกา หากมีอาการหลายครั้งต่อปี เช่น มากกว่า 3 ครั้งต่อปี อาจเข้าเกณฑ์วิเคราะห์ว่าเป็น IED

สาเหตุของโรค LED

สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยที่มีส่วนรวม ได้แก่:

พันธุกรรม เช่น ความผิดปกติของสารสื่อประสาท serotonin และโครงสร้างสมอง เช่น พื้นที่ prefrontal cortex,

สิ่งแวดล้อมในวัยเด็ก เช่น ครอบครัวที่มีความรุนแรง หรือประสบประสบการณ์บาดแผลในวัยเด็ก (childhood

ปัจจัยร่วมอื่นๆ เช่น ความเครียด สภาวะทางสมองผิดปกติ หรือโรคจิตเวชอื่นร่วมด้วย

ผู้ป่วยโรค IED ในปัจจุบัน

นักวิจัยได้มีการประเมินไว้ว่า 1.4% – 7% ของประชากรเคยเป็น IED ในชีวิต

ในกลุ่มเด็ก/วัยรุ่น หรือกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะ (clinical) อาจพบสูงถึง 8.5–10.5%

โรค IED เกิดขึ้นกับคนวัยใด

เริ่มได้ตั้งแต่ อายุ 6 ปีขึ้นไป และสามารถพบได้ในวัยเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ < 40 ปี โดยทั่วไปมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

ในกลุ่มคลินิก พบว่า อายุเริ่มมีอาการส่วนใหญ่อยู่ใน ช่วงวัยรุ่นตอนต้น (teen years)

จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นโรค IED

สัญญาณที่ควรสังเกต:

มีอาการระเบิดโกรธบ่อยและรุนแรง เช่น ลงมือต่อย พูดคำหยาบ หรือทำลายข้าวของ โดยเกินกว่าเหตุการณ์หรือสถานการณ์จะอธิบายได้

เห็นว่าพฤติกรรมมีลักษณะ ไม่ควบคุมตัวเอง และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น เรียน หนังสือ หรือความสัมพันธ์กับคนรอบตัว

หลังระเบิดเกิดความรู้สึก เสียใจ อับอาย หรือสำนึกผิด

หากพบลักษณะเหล่านี้ ควรพาไปพบ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต (จิตแพทย์หรือจิตวิทยา) เพื่อทำการวินิจฉัยตาม DSM-5 และแยกจากภาวะอื่น เช่น ADHD, ODD, หรือใช้สารเสพติด

วิธีป้องกัน รรเทาอาการ IED
  • การสร้างสภาพแวดล้อมครอบครัวที่อบอุ่น ไม่มีความรุนแรง และให้การอบรมจัดการอารมณ์ตั้งแต่ยังเด็ก
  • ฝึกพลังยับยั้งอารมณ์ (emotional regulation) เช่น การสอนให้หยุดหายใจ สังเกตกายกับอารมณ์ก่อนตอบสนอง
  • หลีกเลี่ยงผู้กระตุ้นอารมณ์รุนแรง เช่น สถานการณ์กดดันสูง และรักษาความกดดันทางอารมณ์ให้สมดุล
  • เมื่อมีความเครียดสูงหรือพบอาการที่น่าสงสัย ควรรีบพาเข้าพบผู้เชี่ยวชาญเร็วที่สุด
แนวทางการรักษา IED
  • จิตบำบัด (Psychotherapy) โดยนักจิตวิทยา
  • Cognitive Behavioral Therapy (CBT) ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจอารมณ์และเรียนรู้วิธีตอบสนองอย่างเหมาะสม
  • วิธี CRCST (Cognitive Relaxation and Coping Skills Therapy) มีการฝึกทีละขั้น เช่น ผ่อนคลาย ความคิดใหม่ ประชุมสัมผัส และป้องกันพฤติกรรมก้าวร้าว
  • การใช้ยา (Medication) SSRIs เช่น fluoxetine ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการโกรธฉับพลัน หรือยาอื่น ๆ
  • การรักษาร่วมกับ DBT หรือ TF-CBT สำหรับกลุ่มที่มีประวัติบาดแผลในวัยเด็ก (trauma)

อย่างไรก็ตาม ทุกขั้นตอนการรักษา ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือจิตแพทย์เท่านั้น

วิธีรับมือเมื่อต้องอยู่กับคนที่เป็นโรค IED
  • ป้องกันตนเองและผู้รอบข้าง หากเห็นว่ากำลังจะเกิดพฤติกรรมก้าวร้าว ควรพาออกจากสถานการณ์หรือหาวิธีลดการกระตุ้น
  • เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว หลังจากสงบ ค่อยพูดถึงเหตุการณ์นั้นด้วยความเข้าใจและเชื่อมโยงเพื่อแก้ปัญหาในอนาคต
  • สนับสนุนให้เข้ารับการรักษา และร่วมเป็นเครือข่ายช่วยเหลือ เช่น เข้าร่วมกลุ่มครอบครัว (family therapy)
  • หากพบว่าคนใกล้ตัวมีความคิดทำร้ายตัวเองหรืออาจใช้ความรุนแรง ควรพาไปพบจิตแพทย์ทันที

IED เป็นโรคทางจิตที่มีลักษณะเฉพาะคือ “ระเบิดอารมณ์โกรธที่รุนแรงเกินปกติ” เกิดจากหลายปัจจัยทั้งพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ผู้ปกครอง หรือคนใกล้ชิด มีส่วนอย่างมากในการให้ความช่วยเหลือและเข้าใจ และไม่เป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่สร้างความกดดันให้กับผู้ป่วย ที่สำคัญที่สุด ควรเปิดใจในการเข้ารับการรักษาและบำบัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

อารมณ์รุนแรงเกินเหตุ หรือความโกรธที่ระงับยับยั้งไว้ไม่ได้ อาจจะเกิดขึ้นกับทุกคนได้เสมอ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเสียใจภายหลังจึงต้องใส่ใจคนใกล้ตัวว่ามีภาวะโรคนี้หรือไม่ สำหรับคนทั่วไป อาการเหล่านี้จะบรรเทาลงได้ จากการรู้จักยอมรับความเป็นจริง ทำจิตใจให้สงบ และเตรียมความพร้อมรับสิ่งที่ไม่ได้ดังใจ ซึ่งเกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตของเรา

Latest articles

KONAMI ประกาศอัปเดต eFootball™ V5.0 จับมือ Plan B หนุนนักกีฬาอีสปอร์ตระดับโลก

บริษัท KONAMI Digital Entertainment Limited เปิดตัวอัปเดตครั้งสำคัญของเกมฟุตบอลยอดนิยม eFootball™ V5.0 ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุงและเพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นที่สมจริงและสนุกยิ่งขึ้นสำหรับผู้เล่นทั่วโลก

Non-Oil โตแรง กาแฟพันธุ์ไทย หนุนรายได้ครึ่งแรก ตั้งเป้าปรับสัดส่วนเพิ่ม 50-60%

PTG โชว์ผลงานครึ่งแรกปี 2568 มีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 113,903 ล้านบาท รับแรงหนุนจากธุรกิจ Non-Oil ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 10,961 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 34.0% YoY

เอพี ไทยแลนด์ เปิดรายได้ครึ่งปีแรก 20,940 ล้าน เตรียมลงทุนเนื่องอีก 34 โครงการ

เอพี ไทยแลนด์ เผยตัวเลขผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก เติบโตสูงสุดในอุตสาหกรรม ยืนหนึ่งด้วยรายได้รวม 20,940 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,870 ล้านบาท สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.73 เท่า

Dr.TATTOF เผยวิสัยทัศน์สู่ผู้นำด้านนวัตกรรมเลเซอร์ในระดับภูมิภาค

Dr.TATTOF ว่าจะก้าวสู่การเป็น ผู้นำด้านการรักษาด้วยนวัตกรรมเลเซอร์ แบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป้าหมายไม่ใช่เพียงแค่การขยายสาขา แต่คือการยกระดับมาตรฐาน การรักษา พัฒนาทีมแพทย์ และสร้างความเชื่อมั่นในผลลัพธ์ที่แท้จริง

More like this