จับตา CBAM และ พ.ร.บ.โลกร้อน กระทบ 6 อุตสาหกรรม 6.5 ล้านล้านบาท

Published on

6 อุตฯส่งออก จ่อเผชิญต้นทุนพุ่ง หลังสหภาพยุโรปเดินหน้าบังคับใช้มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนหรือ CBAM เข้มข้นขึ้นต่อเนื่อง เตรียมเจอกฎหมายใหม่ “พ.ร.บ.โลกร้อน” บังคับใช้ปี 69 อีกเด้ง คุมเข้มรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมกำหนดหน้าที่เสียภาษีคาร์บอน แก่หลากอุตสาหกรรม 6.5 ล้านล้าน ด้านโกลบอล คาร์บอน คอร์ปอเรชั่น แนะองค์กรเร่งปรับตัวรับกฎหมาย-มาตรการโลกยุคใหม่ ชี้เพิ่มโอกาสลดต้นทุน สร้างรายได้ใหม่จากคาร์บอนเครดิต แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

ตรีเทพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คาร์บอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ GCC เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 ต.ค.2566 สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศบังคับใช้มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism หรือ CBAM) กับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าใน 6 อุตสาหกรรมไปยังสหภาพยุโรป ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน ส่งผลให้บริษัทไทยที่ส่งสินค้าเหล่านี้ไปยังสหภาพยุโรปต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีต้นทุนในการแข่งขันมากขึ้น และขีดความสามารถการแข่งขันลดลง เมื่อต้องเผชิญกับคู่แข่งชาติอื่นที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า

ทั้งนี้ มาตรการ CBAM กำลังจะพ้นระยะเปลี่ยนผ่าน และก้าวสู่การบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 1 ม.ค.2569 นี้ ผู้ส่งออกจะต้องรับภาระเพิ่มเติมจากการช่วยจ่ายค่า “ใบรับรอง CBAM”ให้แก่ผู้นำเข้า ตามปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อย ขณะเดียวกัน ในช่วงปี 2569 นี้ ประเทศไทยน่าจะเริ่มประกาศใช้ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ.โลกร้อน) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลก โดยภายใต้ พ.ร.บ.ดังกล่าว จะส่งผลกระทบทางตรงแก่หลากหลายอุตสาหกรรมภายใต้การบังคับใช้ 3 เฟส คิดเป็นมูลค่าอุตสาหกรรมรวมกว่า 6.5 ล้านล้านบาท หรือ 37% ของ GDP

“พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะเป็นกฎหมายฉบับแรกของไทยที่กำหนดหน้าที่ทางกฎหมายโดยตรงต่อผู้ประกอบการเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีทั้งข้อบังคับด้านการปล่อยก๊าซฯ กลไกด้านภาษี ตลอดจนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สิ่งที่น่ากังวลคือ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบและต้นทุนที่กำลังจะเกิดขึ้น ยังไม่ได้เริ่มเรียนรู้วิธีการบันทึกคาร์บอน รวมถึงยังไม่ได้เตรียมมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตของตัวเอง ซึ่งท้ายสุดจะส่งผลให้บริษัทเหล่านั้นต้องเสียภาษีคาร์บอนในอัตราที่สูง” ตรีเทพ กล่าว

ตรีเทพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

สำหรับอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบภายใต้ 3 เฟส ได้แก่ เฟสที่ 1 (ปี 2569) ภาคขนส่ง พลังงาน สาธารณูปโภค โลหะและอโลหะ (เหล็ก อะลูมิเนียม) รวมมูลค่าอุตสาหกรรม 1.71 ล้านล้านบาท หรือ 10% ของ GDP

เฟสที่ 2 อุตสาหกรรมปิโตรเลียม ยาง พลาสติก การขุดเจาะปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ เหมืองถ่านหิน กระดาษและเยื่อกระดาษ รวม 1.77 ล้านล้านบาท หรือ 10% ของ GDP

เฟสที่ 3 อุตสาหกรรมเกษตรและปศุสัตว์ อาหารและเครื่องดื่ม คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้า รวม 3.02 ล้านล้านบาท หรือ 17% ของ GDP และรวมถึงภาคอุตสาหกรรมการจัดการของเสีย ที่มีมูลค่ารวมโดยประมาณอีกหลายหมื่นล้านบาท

ตรีเทพ กล่าวอีกว่า นอกจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบทางตรงแล้ว กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เป็นซัพพลายเออร์ของอุตสาหกรรมเหล่านี้ ยังมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากกฎหมายฉบับใหม่ด้วย เนื่องจากวิธีการบันทึกการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะคำนวณลงไปถึงห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมจะต้องการปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากซัพพลายเออร์ รวมถึงมีมาตรการคุมเข้มอื่นๆ แก่ซัพพลายเออร์ เพื่อให้ต้นทุนภาษีคาร์บอนของตัวเองลดลง

“บริษัทต่างๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงภายใต้กฎหมายใหม่ดังกล่าว เพราะเป็นกฎหมายที่สอดคล้องกับทิศทางมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมของโลก ปัญหาใหญ่คือองค์กรในไทยยังขาดความรู้เรื่องกระบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่วิธีการตรวจวัดและรายงานคาร์บอนฟุตปรินท์ ทั้งของสินค้าและขององค์กร แนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดต้นทุนภาษี เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การเตรียมความพร้อมด้านต้นทุนและกลไกตลาด ตลอดจนปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”  ตรีเทพ กล่าว

ทั้งนี้ โกลบอล คาร์บอน คอร์ปอเรชั่น จัดตั้งขึ้นมาโดยมีเป้าหมายในการให้บริการจัดการก๊าซเรือนกระจกทั้งช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนกฎหมายบังคับใช้ และหลังจากกฎหมายถูกบังคับใช้ไปแล้ว โดยมีทีมงานและบุคลากรที่มีประสบการณ์ในแวดวงความยั่งยืนองค์กร พร้อมช่วยจัดทัพให้ทุกองค์กร ทั้งในส่วนงานที่ปรึกษา (GHG Consult) ให้คำแนะนำตั้งแต่ต้นน้ำเพื่อให้รู้ว่าองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าใด ไปจนถึงให้คำแนะนำในการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านบริการต่าง ๆ

พร้อมช่วยเหลือองค์กรที่ต้องการปรับตัวเพื่อรับมือทั้งผลกระทบจากมาตรการ CBAM และกฎหมายใหม่ที่จะบังคับใช้ในปี 2569 นี้

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this