ttb analytics คาดปี 2568 ตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าเผชิญแรงกดดันสูงขึ้นจากภาวะอุปทานล้น

Published on

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดภาวะอุปทานล้นในตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าปี 2568 จะมีมากขึ้น ทำให้อัตราครองพื้นที่ลดเหลือเพียง 73% พร้อมคาดสิ้นปี 2569 มีโอกาสลดลงต่ำกว่า 70% แนะภาครัฐคุมอุปทานใหม่ เปลี่ยนอุปทานเก่าให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ในขณะที่ภาคเอกชนต้องเร่งรับมือสำหรับอุปสงค์ที่อาจเปลี่ยนไป บนความหวังที่หากเศรษฐกิจไทยเติบโต สถานการณ์อุปทานล้นอาจค่อย ๆ ทุเลาลง

อสังหาริมทรัพย์กลุ่มตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าเป็นกลุ่มที่มีลักษณะเฉพาะเนื่องจากจุดคุ้มทุนของโครงการต้องอาศัยระยะเวลากว่า 10 ปี ขึ้นอยู่กับระดับเกรด พื้นที่ตั้ง และอัตราการครองพื้นที่ของอาคารสำนักงาน ซึ่งต่างจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยที่การรับรู้รายได้เป็นรายโครงการที่สามารถได้ต้นทุนของเงินคืนหลังจากโครงการก่อสร้างแล้วในเวลาไม่นานนัก ดังนั้นบนบริบทของการทำตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า การประมาณการรายได้และจุดคุ้มทุนมักจะอยู่ในจุดที่มีความเสี่ยงมากกว่าจากความไม่แน่นอนที่ทวีคูณขึ้นตามระยะเวลา ส่งผลให้สถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในด้านอุปทานของตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าในกรุงเทพมหานคร ที่กลับกลายเป็นการคาดการณ์บนบริบทการเติบโตของอุปสงค์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า เมื่อเทียบช่วงก่อนโควิด-19 ที่เศรษฐกิจไทยเติบโตด้วยค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 3.2% ต่อปี (ปี 2557 – 2561) แต่ภายหลังการเกิดวิกฤตแล้วเศรษฐกิจไทยกลับโตเพียง 2.2% ต่อปี (ปี 2564 – 2567) ส่งผลให้ตลาดเผชิญกับการย่อตัวของอุปสงค์มากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ และกดดันสถานการณ์ของตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าไทยในปัจจุบันต้องเผชิญกับภาวะอุปทานส่วนเกิน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บนรายละเอียดดังต่อไปนี้

ที่ผ่านมาอุปสงค์ของตลาดที่อยู่อาคารสำนักงานได้รับผลกระทบจากรูปแบบการทำงานและแรงส่งทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงจากการแพร่ระบาดของวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้บริษัท องค์กร สถานที่ทำงานต่าง ๆ ต้องปรับรูปแบบการทำงานให้พนักงานทำงานจากบ้าน (Work from Home) ทำงานจากระยะไกล (Remote Work) โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ  ถึงแม้ว่าวิกฤตโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไป แต่พบว่ารูปแบบการทำงานของบางหน่วยงานก็เป็นรูปแบบผสมผสาน (Hybrid Workplace) อยู่ จึงส่งผลให้ความต้องการพื้นที่สำหรับภาคธุรกิจชะลอตัวลง และท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่เผชิญการเติบโตต่ำในรอบหลายปีโดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลงต่อเนื่องถึง 4 ไตรมาสติดต่อกัน

และคาดการณ์ว่าตลอดปี 2568 สถานการณ์การลงทุนภาคเอกชนไทยจะยังอยู่ภายใต้ปัจจัยทางการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจไทยมีแรงกดดันจากนโยบายภาษีทรัมป์ทั้งจากการส่งออกอาจชะลอตัวลงในครึ่งหลังของปี และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่อาจถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2568 การลงทุนภาคเอกชนของไทยมีแนวโน้มจะลดลงติดต่อกันถึง 7 ไตรมาส กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อุปสงค์อาคารสำนักงานยังคงอ่อนตัวลง

ในขณะที่ด้านอุปทาน การลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานให้เช่าโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ในปัจจุบันเป็นโครงการที่วางแผนและประเมินโครงการตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 แต่ด้วยข้อจำกัดของการแพร่ระบาดหลายโครงการจึงมีความล่าช้าในการก่อสร้าง ส่งผลให้อุปทานอาคารสำนักงานให้เช่าในกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นติดต่อกันในช่วงปี 2564 – 2567 ที่ผ่านมา กว่า 6.5 แสนตารางเมตร และบนอุปสงค์ของตลาดอาคารเช่าสำนักงานชะลอตัว ส่งผลให้อัตราการครองพื้นที่เช่า (Occupancy Rate) เริ่มมีทิศทางปรับลดลง จากในปี 2562 ที่มีอัตราการครองพื้นที่เช่า 90% ลดลงต่อเนื่องเหลือ 77% ในปี 2567 รวมถึงในปี 2568 ที่ทาง Knight Frank คาดว่าจะมีอุปทานพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นราว 5.24 แสนตารางเมตร

จากการวิเคราะห์ของ ttb analytics คาดว่าอัตราการครองพื้นที่ของอาคารสำนักงานให้เช่าในกรุงเทพมหานคร ณ สิ้นปี 2568 อาจปรับลดลงเหลือประมาณ 73% และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำกว่า 70% ภายในปี 2569 การปรับตัวลดลงของอัตราการครองพื้นที่ดังกล่าว สะท้อนถึงภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแรงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย รวมถึงการลงทุนจากต่างประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ขณะเดียวกัน พฤติกรรมการทำงานแบบ Hybrid Work ที่ยังคงอยู่ในหลายองค์กร ส่งผลให้ความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ด้านอุปทานยังคงต้องเผชิญกับภาวะ Oversupply ต่อเนื่อง แม้ว่าแนวโน้มพื้นที่ให้เช่าใหม่ในอนาคตจะเข้าสู่ตลาดน้อยลง สะท้อนได้จากปริมาณพื้นที่ขออนุญาตก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่สองติดต่อกันที่ 36% ในปี 2566 และ 23% ในปี 2567

ทั้งนี้ ttb analytics เสนอแนะวิธีลดแรงกดดันในตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าโดยอาจพิจารณาถึงการปรับสมดุล (Rebalancing) ผ่านการแทรกแซงฝั่งอุปทาน ได้แก่ 1) ภาครัฐควรเข้ามาแทรกแซงในตลาด เช่น ควบคุมพื้นที่การขออนุญาตก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่โดยเฉพาะในบางพื้นที่เพื่อไม่ให้อุปสงค์ของอาคารสำนักงานยังถูกขังตัวในพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจอยู่ หรือแทรกแซงโดยการออกระเบียบเพื่อควบคุมอาคารสำนักงานเก่าที่มีอายุเกินกว่าที่กำหนด โดยอาจเสนอเงื่อนไขในการสนับสนุนเพื่อเปลี่ยนอาคารสำนักงานเก่าที่อาจไม่ดึงดูดการเข้ามาเช่าพื้นที่ให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับคนรายได้น้อยเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่ต่ำกว่าเอกชนบนที่อยู่อาศัยระดับเดียวกัน รวมถึงควรวางมาตรการสำหรับผู้ที่มีสิทธิในการซื้อเพื่อป้องกันการเก็งกำไร

และ 2) ภาคเอกชนอาจเน้นแนวทางการปรับอาคารสำนักงานเดิมให้สอดรับกับแนวทางการทำงานยุคใหม่ เช่น เพิ่มพื้นที่ Open Space หรือเน้นการพัฒนาให้เป็นอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปรับเปลี่ยนรูปแบบสัญญาเช่าให้มีความยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์อุปสงค์ที่มีความหลากหลายในปัจจุบัน บนความหวังที่เศรษฐกิจไทยอาจยังรักษาการเติบโตและช่วยกระตุ้นอุปสงค์ของความต้องการพื้นที่สำนักงานจากภาคการลงทุนที่อาจกระเตื้องขึ้นตามเศรษฐกิจ เพื่อที่จะช่วยให้สถานการณ์ตลาดค่อย ๆ ปรับเข้าสู่จุดสมดุล มากขึ้นได้ในระยะถัดไป

Latest articles

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ย 340 แก้ว/ปี เผยเทรนด์กาแฟพร้อมดื่ม Café Hopping กำลังมา

คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ย 340 แก้ว/คนปี เผยเทรนด์ก Café Hopping กำลังมา นี่คือโจทย์ใหม่ของกาแฟพร้อมดื่ม จากเครื่องดื่มสู่บทใหม่ของวัฒนธรรมการใช้ชีวิต

More like this