SHARGE ตอกย้ำฐานะผู้นำตลาด EV Charging Operator ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ โชว์ยอดผู้ใช้สถานีชาร์จ EV เป็นประจำโตแรง 4 เท่าตัว ปริมาณการชาร์จต่อสถานีโตทะลุ 288% เดินเกมรุกเฟสใหม่ เชื่อม Roaming แบรนด์ EV Charger อื่น ให้สั่งชาร์จข้ามแบรนด์ได้ในแอป RÊVERSHARGER นำร่องจับมือแอปแรก Spark EV ลุยขยายสถานีใหม่ต่อเนื่องรองรับตลาดใหม่โต
พีระภัทร ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ให้บริการสถานีชาร์จภายใต้แบรนด์ RÊVERSHARGER และผู้นำด้านการให้บริการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจขายพลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ (Charging as a Service) ของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย.2568) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกด้านเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ได้แก่
1.จำนวนผู้ใช้งานชาร์จรถ EV เป็นประจำในแต่ละสัปดาห์ (Weekly Active Users) เติบโตจากสัปดาห์ละประมาณ 3,200 รายต่อสัปดาห์ เพิ่มเป็น 12,800 รายต่อสัปดาห์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัว
2.ปริมาณการชาร์จไฟฟ้าเฉลี่ยต่อสถานีในช่วง 6 เดือน เพิ่มขึ้นจาก 8,670 kWh เป็น 33,679kWh หรือเพิ่มขึ้นถึง 288%
3.จำนวนครั้งที่ชาร์จเฉลี่ยต่อสถานีในช่วง 6 เดือน เพิ่มขึ้นจาก 402 ครั้ง เป็น 1,223 ครั้ง หรือเพิ่มขึ้นถึง 205% ในขณะที่บริษัทเพิ่งขยายจำนวนสถานีชาร์จเพิ่มเติมไม่มาก หรือเพียงราว 25% ในช่วงดังกล่าว
เบื้องต้น บริษัทประเมินว่า ยอดที่เติบโตขึ้นทุกด้านมาจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยภายนอกอย่าง การเติบโตของยอดจดทะเบียน EV เนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจในการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน มาสู่รถ EV อย่างต่อเนื่อง และปัจจัยภายใน คือการได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในฐานะ “แอปพลิเคชันด้าน EV Charger ที่ดี” จากความใส่ใจของบริษัท 3 ด้าน ได้แก่ 1.การบริการ (Service) 2.ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต (Lifestyle) และ 3.ความร่วมมือกับพันธมิตร (Partnership) จับมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งฝั่งแบรนด์รถยนต์ส่วนบุคคล (Passenger Vehicle) ตลอดจนองค์กรธุรกิจที่มีความต้องการเปลี่ยนผ่านรถยนต์เชิงพาณิชย์ (Commercial Vehicle)
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่ากลุ่มธุรกิจขายพลังงานไฟฟ้าของบริษัทยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปริมาณการเติบโตของตลาดรถยนต์ EV ในช่วงที่ผ่านมา กระจุกตัวอยู่ในฝั่งรถยนต์ส่วนบุคคล (Passenger Vehicle) ในขณะที่ตลาดรถยนต์เชิงพาณิชย์ (Commercial Vehicle) เช่น รถแท็กซี่ รถเดลิเวอรี หรือรถขนส่ง ยังอยู่ในช่วง Early Stage ของการเปลี่ยนผ่านสู่ EV เท่านั้น

พีระภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม Commercial Vehicle เริ่มมียอดจดทะเบียนในไทยเป็นครั้งแรกช่วงปี 2564 ที่ประมาณ 2,000 คัน และค่อยๆ เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนคาดว่าจะขึ้นมาแตะ 199,000 คันในช่วงสิ้นปี 2568 นี้
อย่างไรก็ดี บริษัทประเมินว่าปี 2568 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดดังกล่าว เนื่องจากผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคโลจิสติกส์ต่างๆ จะใส่ใจการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถ EV มากขึ้น โดยมีปัจจัยผลักดันสำคัญ เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมัน ต้นทุนราคารถ EV ที่ต่ำลงจากทั้งเทคโนโลยีการผลิตและการแข่งขันของค่ายรถ การมุ่งสู่เป้าหมาย ESG ของภาคเอกชน ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่ครอบคลุมทั้งในเมืองและเส้นทางโลจิสติกส์ ตลอดจนมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ
คาดการณ์ว่าในปี 2573 (ค.ศ. 2030) ยอดจดทะเบียนสะสมรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม Commercial Vehicle จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 4.86 ล้านคัน และส่งผลให้ Commercial Vehicle จะกลายเป็นแกนหลักขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด EV นับจากนี้
ทั้งนี้ SHARGE มุ่งมั่นวางรากฐาน EV Ecosystem ให้เป็นการเดินทางแห่งอนาคตที่เชื่อมโยงไลฟ์สไตล์ของผู้คนเข้ากับพลังงานสะอาดได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำฐานะผู้นำด้าน EV Charging Operator แบบครบวงจร ที่มีความพร้อมทั้งด้านซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูง เครือข่ายสถานีชาร์จขนาดใหญ่ที่รองรับการใช้ EV ทุกรูปแบบตามแนวคิด “ครบ-สะดวก-สบาย” ครอบคลุมตั้งแต่โซลูชันการชาร์จส่วนตัวในที่อยู่อาศัย สถานีชาร์จสาธารณะ และ EV Fleet Solutions สำหรับภาคธุรกิจ โดยบริษัทยังคงพร้อมเปิดรับพันธมิตรใหม่ๆ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน เข้ามาร่วมขับเคลื่อนระบบนิเวศนี้ให้เติบโตไปด้วยกัน