หน้าแรกHeadlineรีวิว KIHA 183 นั่งรถไฟไปเพชรบุรี เที่ยวนี้ครบรส

รีวิว KIHA 183 นั่งรถไฟไปเพชรบุรี เที่ยวนี้ครบรส

Published on

นับตั้งแต่ได้ยินข่าวการรับมอบรถไฟขบวน KIHA 183 จากทางญี่ปุ่น การท่องเที่ยวทางรถไฟก็คึกคักขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากการจองทริปเที่ยวที่เต็มต่อเนื่องแทบทุกเดือน

ล่าสุด การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดเพชรบุรี และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) จัดกิจกรรมท่องเที่ยวทริปพิเศษ กับขบวนรถไฟ KIHA 183 “นั่ง 4WD ไปห่มหมอก เที่ยวป่าต้นน้ำเขาพะเนินทุ่ง” จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 20-21 เมษายน 2567

ชวนไปเช็กอินที่ผืนป่ามรดกโลกแห่งที่ 3 ของไทย สัมผัสหมอกยามเช้าที่เขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในราคาเพียงท่านละ 3,999 บาท ทริปนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี โดยมีผู้ร่วมเดินทางเต็มขบวนจำนวน 200 คน

ไปแล้วมาเล่า รีวิวการเดินทางกับทริป KIHA 183 ตามไปชมกันเลย

DAY 1

เช้า

เช้าตรู่ของวันเดินทาง (21 เม.ย.2567) นักท่องเที่ยวจากหลากหลายที่มา ต่างมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟหัวลำโพง บ้างก็มาเป็นกลุ่ม บ้างก็มาเป็นคู่ และมีบ้างที่เดินทางมาคนเดียว

เวลา 6.10 น. ขบวน KIHA 183 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) รถไฟจะจอดรับผู้ร่วมเดินทางที่สถานีบางซื่อ บางบำหรุ ชุมทางตลิ่งชัน และศาลายา โดยมีบริการอาหารเช้าบนรถไฟ ชื่นชมธรรมชาติสองข้างทางกันเพลิน ๆ ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง ก็ถึงสถานีเพชรบุรี

เมื่อออกจากสถานีรถไฟ รสบัสปรับอากาศซึ่งเป็นกิจการของคนในท้องถิ่นก็พาทุกคนไปยัง “พระรามราชนิเวศน์” (วังบ้านปืน) เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมยุโรปสุดคลาสสิกอายุกว่า 100 ปี อันเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี

คณะเดินทางใช้ช่วงเวลาอย่างเพลิดเพลินท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ที่รายล้อมอยู่ทั่วทั้งบริเวณ จากนั้นเดินทางต่อไปที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

เที่ยง

เสน่ห์ด้านอาหารการกิน เป็นเอกลักษณ์ของชาวเพชรบุรี ยูเนสโกจึงประกาศให้เพชรบุรีเป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร” โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีมีส่วนสำคัญในการร่วมพัฒนาและผลักดัน

เที่ยงวันนี้ทาง ม.ราชภัฏเพชรบุรี ได้จัดเตรียมคอร์สอาหารถิ่น ที่สะท้อนความสร้างสรรค์และการนำเสนอวัตถุดิบในท้องที่ อาทิ น้ำพริกปลาทู แกงคั่วหัวตาล ทอดมันปลา ฯลฯ

ปิดท้ายด้วย “ลอดช่อง” ที่ใช้น้ำตาลโตนด เสิร์ฟคู่กับ “ขนมไข่” รวมทั้ง “ชมพู่เพชรสายรุ้ง” สินค้า GI ที่หวานกรอบเป็นเอกลักษณ์ นักท่องเที่ยวได้ชิมแล้วต่างเรียกร้องขอสั่งจองกลับบ้านกันอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับสินค้าชุมชนที่นำมาวางขาย ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายจากนักท่องเที่ยวจนเกือบหมดแทบทุกร้าน

อิ่มแล้วได้เวลาเดินทางต่อไปยังจุดหมายของทริปนี้ ที่ “แก่งกระจาน” ใช้เวลาจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็เข้าสู่บรรยากาศแห่งขุนเขา เข้าใกล้ความสดชื่นของผืนป่าและผืนน้ำ

เย็น

วันนี้มีกิจกรรมดี ๆ จาก “เพลา เพลิน เดอะเจอร์นีย์” แหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและธรรมชาติท่ามกลางผืนป่ามรดกโลก นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรม DIY ทำยาหม่องสมุนไพร ภายใต้แนวคิด “เที่ยวอย่างมีความสุข สนุกกับการเรียนรู้”

เมื่อถึงเวลาเย็น รถท้องถิ่นนำนักท่องเที่ยวไปสู่ “สันเขื่อนแก่งกระจาน” ชื่นชมบรรยากาศยามเย็นหลังแนวภูเขาแห่งเทือกเขาตะนาวศรีที่เรียงราย ความกว้างใหญ่ไพศาลของผืนป่าและผืนน้ำทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย รอยยิ้มแห่งความสุขความประทับใจปรากฎอย่างชัดเจน ก่อนจะกลับไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกันที่ “เพลา เพลิน เดอะเจอร์นีย์” แล้วแยกย้ายไปพักผ่อน

Day 2

เช้า

5.00 น. รถยนต์ท้องถิ่นแบบ 4WD พาทุกคนออกเดินทางจากที่พัก มุ่งหน้าสู่เขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ต้องออกเช้ามากเพราะการเดินทางค่อนข้างยาวไกล และมีหลายช่วงที่เป็นเส้นทางวิบากจนต้องอาศัยรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น

รถแต่ละคันขับฝ่าความมืดขึ้นไปบนภูเขา ผ่านบ้านกร่างแคมป์ และธารน้ำตกอีก 3 แห่ง เส้นทางช่วงก่อนถึงพะเนินทุ่งเต็มไปด้วยความขรุขระ แรงเหวี่ยงของการขับเคลื่อนอาจทำให้เราเซซ้ายเซขวาเซหน้าเซหลัง แต่ทุกคนกลับรู้สึกสนุกกับประสบการณ์ใหม่ที่ได้พบเจอ แถมเช้าวันนี้อากาศยังเย็นสบายจนลืมหน้าร้อนไปได้เลย

เราเดินทางมาถึงเขาพะเนินทุ่งในตอนที่พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าไปแล้ว เดินเท้าอีกเพียงเล็กน้อยไปสู่จุดชุมวิวพะเนินทุ่ง กม.30 เป็นลานกว้างท่ามกลางผืนป่าเทือกเขาตะนาวศรีที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกแห่งที่ 3 ของประเทศไทย ในปี 2564 เอกลักษณ์ของที่นี่คือ กลุ่มหมอกจาง ๆ ที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางหุบเขา บางวันก็อาจจะปกคลุมไปทั่ว จึงเป็นจุดชมหมอกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

สภาพอากาศวันนี้เย็นสบาย สูดลมหายใจอย่างสดชื่นแบบที่คนกรุงห่างหายไปนาน ผืนป่าที่รายล้อมทำให้เราได้ย้ำคิดและตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ในวันที่โลกกำลังพบเจอกับสภาพอากาศที่แย่ลง แต่สำหรับที่นี่เรายังเห็นเหล่านกเงือกโผบินอยู่ไกล ๆ เป็นภาพความสมบูรณ์ที่มองแล้วยิ้มได้

วันนี้ทางผู้จัดทริปนำแม่ครัวชุมชนมาเสิร์ฟอาหารเช้าใกล้ ๆ กับจุดชมวิว นับเป็นเช้าที่ดีและน่าจดจำยิ่ง จุดชมวิวแห่งนี้มีห้องน้ำห้องท่าให้บริการ จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากสำหรับสายแคมป์

ไม่อยากจากลา แต่ก็ได้แต่หวังว่าจะกลับมาใหม่ เราเดินทางออกจากพะเนินทุ่ง แวะไปที่ “บ้านกร่างแคมป์” ซึ่งเป็นทางผ่าน ในช่วงนี้เหล่าผีเสื้อปีกบางกำลังมารวมตัวกันที่โป่ง พวกมันร่าเริงออกมาทักทายนักท่องเที่ยวอยู่ในหลายจุด ใครที่เดินเที่ยวแบบไม่รีบร้อนก็จะได้ใช้เวลากับสีสันแห่งผืนป่าแก่งกระจานกันอย่างเต็มที่

เที่ยง

เมื่อเดินทางถึงที่พัก นักท่องเที่ยวใช้เวลาพักผ่อนและเก็บสัมภาระ ก่อนจะออกมารับประทานอาหารกลางวันกันที่ “ร้านอาหารชายหาด” ชมวิวเขื่อนแก่งกระจาน พร้อมเมนูปลาซึ่งเป็นของเด็ดประจำถิ่น

จากนั้นแวะไปเสริมสิริมงคลกันที่ “วัดเขาบันไดอิฐ” ที่สร้างขึ้นเมื่อสมัยอยุธยาตอนปลาย สักการะสรีรสังขาร “หลวงพ่อแดง” เกจิอาจารย์ประจำจังหวัดเพชรบุรี เที่ยวชมถ้ำพระเจ้าเสือ และขึ้นไปกราบองค์พระขนาดใหญ่ “พระพุทธวชิรประธานพร” ชมวิวมุมกว้างบนยอดเขาบันไดอิฐที่มองเห็นเมืองเพชรบุรีได้อย่างเต็มสายตา ก่อนกลับแวะช้อปปิ้งกันที่ “บ้านขนมนันทวัน”

เย็น

เวลา 18.20 น. ขบวนรถ KIHA 183 พร้อมนำทุกท่านออกจากสถานีเพชรบุรี ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นอันแสนสดชื่น เมนูเย็นนี้เป็น “บะหมี่ปลา” แสนอร่อย จากร้านอัสมา เส้นเหนียวนุ่ม ใช้วัตถุดิบอย่างดี ทั้งปลาสดนำมาลวกและลูกชิ้นปลา กินกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม

ความสุขความประทับใจอบอวลไปทั่วขบวนรถไฟ จากคนไม่รู้จัก เกิดเป็นมิตรภาพที่นำไปสู่การเดินทางครั้งต่อไป ได้ยินบางท่านคุยกันว่า หากมีทริปหน้าจะนัดกันมาเจอกันใหม่ นอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศในแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ แล้ว นี่คงเป็นอีกโมเมนต์แห่งความอบอุ่นใจ ที่ขบวน KIHA 183 มอบให้กับทุกคน

KIHA ชวนชิลกันต่อ พ.ค. – มิ.ย.

ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายนนี้ การรถไฟฯ เตรียมนำเสนอทริปพิเศษกับขบวนรถไฟ KIHA 183 จำนวน 14 ทริป 9 เส้นทาง ภายใต้คอนเซ็ป #ท่องไปตามสายลม ในเดือนพฤษภาคม และ #ฟ้าใสป่าโปร่งพฤกษานานาพรรณ ในเดือนมิถุนายน พาทุกท่านร่วมเดินทางไปในเส้นทาสายต่างๆ หลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งสายมู สายธรรมชาติ และสายช้อป ชิม ชิว ทั้งแบบไปเช้ากลับเย็น หรือแบบพักค้างคืน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตลอด 2 เดือนเต็ม

นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2567 เป็นต้นไป จำกัดจำนวน 202 ที่นั่งต่อทริปเท่านั้น ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคารวมค่าโดยสารรถไฟ ค่ารถบัสปรับอากาศ ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ พร้อมอาหารและเครื่องดื่มแบบจัดเต็มตลอดการเดินทาง รวมทั้ง ค่าประกันอุบัติเหตุ

จองตั๋วได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ และช่องทางการจำหน่ายตั๋วระบบออนไลน์ D – Ticket ของการรถไฟฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดตามรายละเอียดของโปรแกรมท่องเที่ยวได้ทาง Facebook: ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/pr.railway

Latest articles

เที่ยวกรุงเทพ สำรวจเส้นทางสร้างสรรค์ กับ BAC Passport: Summer Edition 2025

สนุกกับ BAC Passport: Summer Edition 2025 การเดินทางสำรวจเมืองทั่วกรุงเทพฯ ผ่านเรื่องราว แสตมป์ และเซอร์ไพรส์สร้างแรงบันดาลใจ ใน 24 พื้นที่ทางศิลปะและวัฒนธรรมทั่วเมือง

ส่องไฮไลต์ Bangkok AI Week 2025 มหกรรมระดับชาติด้านปัญญาประดิษฐ์

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA (เอ็ตด้า) เตรียมจัดงาน Bangkok AI Week 2025 มหกรรมระดับชาติด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ครั้งยิ่งใหญ่ของไทย

“เดอะ สตรีท รัชดา” คว้าเครื่องหมายรับรอง “มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะอาเซียน”

มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะอาเซียน (ASEAN Public Toilet Standard) เป็นมาตรฐานที่มีขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาบริการด้านการท่องเที่ยว ยกระดับสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวร่วมกันทั้งภูมิภาคอาเซียน

PETPAL ยื่นไฟลิ่งเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI เสริมธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง

ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)

More like this