รู้จักวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า กลุ่มเสี่ยงต้องฉีดมีใครบ้าง

Published on

แม้จะมีประกาศแจ้งเตือนเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้ามาตั้งแต่ต้นปี แต่ข่าวคราวของการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโรคพิษสุนัขบ้าก็ยังปรากฏให้เห็น จึงต้องมีการย้ำเตือนกันอย่างต่อเนื่อง และในช่วงนี้กำลังเข้าสู่หน้าร้อน พร้อมทั้งช่วงที่เด็กๆ กำลังปิดเทอม จึงเป็นช่วงเวลาที่จะประมาทไม่ได้เลย

นอกจากการดูแลสัตว์เลี้ยงด้วยการพาไปฉีดวัคซีน การดูแลตัวเองและบุตรหลานไม่ให้เข้าใกล้กับสุนัข โดยเฉพาะกลุ่มสุนัขจรจัด เพื่อเป็นการป้องกันการโดนกัดแล้ว เรามาทำความรู้จักกันว่า วัคซีนพิษสุนัขบ้านั้นมีความสำคัญแค่ไหน  และใครที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรจะฉีดเพื่อป้องกันโรคนี้กันบ้าง

นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การฉีดวัคซีนแบบก่อนสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้านั้น เป็นวัคซีนชนิดเดียวกับวัคซีนที่ฉีดหลังสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันโรคในกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่

  1. คนที่ทำงานคลุกคลี สัมผัสดูแล รักษาสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมตลอดเวลา อาทิ สัตว์แพทย์และผู้ช่วยในคลินิกรักษาสัตว์ อาสาสมัครปศุสัตว์ อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้านที่ช่วยฉีดวัคซีนในสัตว์ เป็นต้น
  2. ผู้ที่มีอาชีพเพาะเลี้ยง หรือเพาะพันธุ์สัตว์ จำพวก สุนัข แมว และสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่เลี้ยงลูกด้วยนม
  3. ผู้ที่มีอาชีพหาของป่าที่อาจมีอันตรายจากสัตว์ป่ากัด
  4. นักทัศนาจรที่เดินทางจากเขตปลอดโรคแล้วเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาดหรือโรคชุกชุม

สำหรับขั้นตอนการฉีดวัคซีนป้องกันแบบก่อนสัมผัสโรคนั้นจะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ในระยะห่างตามที่กำหนด และถ้าหากมีการสัมผัสโรคหลังจากฉีดวัคซีน ก็จะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกเพียง 1 หรือ 2 เข็ม โดยมิต้องฉีดเซรุ่มที่เรียกว่า “อิมมูโนโกลบูลิน” การฉีดวัคซีนป้องกันแบบก่อนสัมผัสโรค หรือ แบบล่วงหน้านั้น จึงเป็นการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ผู้รับบริการฉีดวัคซีนต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง โดยต้องปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาเป็นรายๆ ไป

ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ ประชาชนต่างให้ความสนใจในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแบบก่อนสัมผัสโรคจำนวนมาก ซึ่งบ่งชี้ว่าประชาชนให้ความตระหนักในการป้องกันโรคมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขอให้ข้อมูลว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับหรือไม่ได้รับวัคซีนป้องกันก่อนสัมผัสโรค ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน และหากถูกสุนัข แมวกัดหรือข่วน และมีแผลแม้เพียงเล็กน้อย ต้องล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่อย่างน้อย 10 นาที และใส่ยาโพวิโดนไอโอดีน (เบตาดีน) หลังล้างแผล เพื่อลดปริมาณเชื้อที่จะเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นรีบไป พบแพทย์ทันที เพื่อพิจารณาเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งหากได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ควรไปรับวัคซีนตามนัดทุกครั้ง ทั้งนี้

ทั้งนี้กรมควบคุมโรค ได้จัดพิมพ์เอกสารคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนแบบหลังสัมผัสโรคฉบับมาตรฐานแจกจ่ายไปยังสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศแล้ว เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ประชาชนผู้มีประวัติเคยถูกกัด ข่วน ในช่วง 1-2 เดือน แต่ไม่ได้เข้าไปฉีดวัคซีน ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อปรึกษารับการฉีดวัคซีนภายหลังสัมผัสโรค หากประชาชนมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

รู้กันแล้วก็นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัว และช่วยกันบอกต่อ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเกิดขึ้นอีก

Latest articles

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ย 340 แก้ว/ปี เผยเทรนด์กาแฟพร้อมดื่ม Café Hopping กำลังมา

คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ย 340 แก้ว/คนปี เผยเทรนด์ก Café Hopping กำลังมา นี่คือโจทย์ใหม่ของกาแฟพร้อมดื่ม จากเครื่องดื่มสู่บทใหม่ของวัฒนธรรมการใช้ชีวิต

More like this