วิจัย สวรส. เสนอ สธ. ปรับทิศทาง – พัฒนานโยบาย “คลินิกหมอครอบครัว”

Published on

วิจัย สวรส. ชี้ “ระบบบริการปฐมภูมิเขตเมือง” เป็นจุดแข็งของระบบบริการ แต่ควรเพิ่มความครอบคลุมคุณภาพ – มาตรฐานบริการ พร้อมแนะนโยบายคลินิกหมอครอบครัว ปรับทิศทางให้สอดรับกับบริบทและขยับในพื้นที่ประชากรหนาแน่นก่อน โดยเน้นการทำงานเชื่อมประสานทุกภาคส่วนเกี่ยวข้อง

ปัจจุบันแนวโน้มประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองมีจำนวนเพิ่มขึ้น ปัญหาสุขภาพที่อาจตามมา เช่น ปัญหาจากความแออัดของประชากร ปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากรด้านสุขภาพ เป็นต้น การพัฒนาระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิในเขตเมืองให้เข้มแข็งจึงมีความสำคัญ ซึ่งประเทศไทยมีนโยบายที่ตอบสนองต่อการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ อาทิ นโยบายคลินิกหมอครอบครัวของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) การจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและระบบสุขภาพอำเภอ (พชอ.) และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม จากมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2558 โดย สวรส. ได้ร่วมสนับสนุนการวิจัยเรื่องการสังเคราะห์ทางเลือกของการพัฒนาระบบบริการสุขภาพเขตเมือง เขตสุขภาพที่ 3 เพื่อพัฒนาเป็นข้อเสนอใช้ประกอบแนวทางการพัฒนานพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ครั้งที่ 2/2561

ผศ.ดร.นพ.ภูดิท เตชาติวัฒน์ เครือข่ายนักวิจัย สวรส. สังกัดวิทยาลัยการจัดการระบบสุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร หัวหน้าโครงการวิจัยฯ นำเสนอถึงผลการศึกษาว่า ได้ทำการศึกษาระบบบริการปฐมภูมิเขตเมือง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ (รพ.สวรรค์ประชารักษ์) และ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร (รพ.กำแพงเพชร) พบว่า ทั้ง 2 พื้นที่ มีการบริหารจัดการระบบบริการฯ โดยมีกลุ่มงานเวชกรรมสังคมของโรงพยาบาลเป็นแกนหลัก การวางแผนจัดบริการภายใต้นโยบายคลินิกหมอครอบครัว ดำเนินการโดยหน่วยงานสังกัด สธ. ผ่านการจัดการของคณะกรรมการประสานงานสุขภาพระดับอำเภอ (คปสอ.) ทำให้เกิดจุดแข็งของระบบบริการฯ คือ มีการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น ประชาชนพึงพอใจในบริการจากการกระจายกำลังแพทย์ลงไปปฏิบัติงานตามเครือข่ายบริการปฐมภูมิ

“อย่างไรก็ตาม การวิจัยพบว่า คุณภาพและมาตรฐานบริการยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเชิงรุกยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนเขตเมืองได้ทั่วถึง ขาดการสื่อสารเชิงนโยบายจากส่วนกลางที่มุ่งเน้นให้พื้นที่ดำเนินนโยบายคลินิกหมอครอบครัวในเขตเมือง ทั้งยังพบว่า ยังไม่สามารถจัดกำลังคนได้ตามกรอบนโยบายคลินิกหมอครอบครัวที่ครอบคลุมทุกพื้นที่เขตเมือง เช่น หน่วยบริการขาดแคลนแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ทำให้บุคลากรไม่เพียงพอต่อการจัดบริการ ทั้งยังขาดการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคการผลิตและผู้ใช้บุคลากร ขณะที่การวางแผนจัดบริการปฐมภูมิถูกกำหนดโดย สธ. เป็นหลัก การมีส่วนร่วมจากภาคส่วนอื่นๆ ยังมีน้อย” นักวิจัย กล่าว

ผศ.ดร.นพ.ภูดิท กล่าวถึงข้อเสนอเชิงนโยบายจากผลการศึกษา ว่า สธ. ควรปรับทิศทางของนโยบายคลินิกหมอครอบครัว โดยให้มุ่งเน้นและเร่งความครอบคลุมบริการในเขตเมืองหรือพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นก่อน พร้อมเร่งรัดให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของการให้บริการและบุคลากร เช่น การบูรณาการทักษะด้านเวชศาสตร์ป้องกันโรค การสร้างเสริมสุขภาพในการให้บริการในคลินิคและในชุมชน เร่งผลิตและพัฒนาพยาบาลปฐมภูมิ โดยให้เป็นผู้จัดการผู้ป่วยรายกรณี มุ่งเน้นการตอบสนองต่อปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและสุขภาพของผู้สูงวัยเขตเมือง สนับสนุนให้เกิดการจัดการระบบบริการปฐมภูมิในระดับพื้นที่แบบมีส่วนร่วมจากภาคี ทั้งผู้ให้บริการ ผู้ซื้อบริการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และประชาชน โดยร่วมกำหนดยุทธศาสตร์และกลไกการเงิน สำหรับพื้นที่เขตเมืองเพื่อให้เกิดการบริหารร่วมกันในพื้นที่ทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค โดยทำงานควบคู่ไปกับคณะกรรมการ พชอ. ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างในการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้เสนอให้มีการพัฒนาฐานข้อมูลกลางในการทำงานร่วมกันทั้งด้านบริการและบริหาร เป็นต้น

ทั้งนี้ จากการประชุมกรรมการ สวรส. ที่มี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ระบุว่า คลินิกหมอครอบครัวเป็นนโยบายสำคัญที่ สธ. ได้ดำเนินการปฏิรูประบบบริการปฐมภูมิ ตามรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 กำหนดให้มีระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวดูแลประชาชนในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยมีทีมหมอครอบครัวดูแลประชาชน 10,000 คนต่อทีม เพื่อลดความแออัดการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งจากการติดตามและลงไปเยี่ยมบางพื้นที่ ทำให้พบว่า นโยบายคลินิกหมอครอบครัว อาจยังไม่จำเป็นที่จะต้องลงไปในอำเภอที่ไม่ใช่เขตเมืองหรือพื้นที่ประชากรไม่มาก เนื่องจากพื้นที่นั้นๆ มีการบริหารจัดการดีอยู่แล้ว และบุคลากรยังรู้สึกมีความสุขกับการทำงาน เช่น รพ.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีจำนวนประชากรไม่มาก จึงไม่จำเป็นต้องตั้งทีมหมอครอบครัว เพราะจะทำให้พื้นที่เกิดความลำบากในการจัดหาแพทย์มาประจำ ทั้งๆที่การทำงานแบบเดิมดีอยู่แล้วและประชาชนก็พึงพอใจ ทั้งนี้ โดยหลักการคลินิกหมอครอบครัว ควรเริ่มที่ รพ.ศูนย์ หรือ รพ.ทั่วไป เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการในเขตเมือง แต่ไม่ใช่การปูพรมในทุกอำเภอ ดังนั้นในระยะแรกของนโยบาย พื้นที่ต้องจัดเตรียมระบบให้ดีก่อน รวมถึงเรียนรู้จากพื้นที่อื่นๆ ไปด้วย โดยผลงานวิจัยเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับการทบทวนและปรับปรุงนโยบายฯ ของกระทรวง สธ. ต่อไป

สำหรับข้อเสนอจากงานวิจัยฯ ได้ถูกนำไปใช้ในการพิจารณาทบทวนนโยบายคลินิกหมอครอบครัวในการประชุมพัฒนาปฐมภูมิและคลินิกหมอครอบครัว กระทรวงสาธารณสุข ที่มี รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน เมื่อ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญ เช่น สธ. จะมีการทบทวนแผนการจัดตั้งคลินิกหมอครอบครัว โดยจะมีการตั้งทีมประเมินความเหมาะสมในการจัดตั้งทีมหมอครอบครัว เพื่อให้ดำเนินงานได้จริงตามเกณฑ์ เช่น เกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนทีมหมอครอบครัวที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ที่ต้องมีเกณฑ์กลาง ขณะที่ในช่วงเเรกนี้จะเน้นการพัฒนาที่เขตเมืองก่อน ส่วนเขตกึ่งชนบท/ชนบท ที่มีความพร้อมของทีมหมอครอบครัวก็สามารถดำเนินการได้เลย ทั้งนี้บทบาทหน้าที่ของทีมหมอครอบครัว จะต้องเป็นตัวกลางในการทำงานเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนงานในพื้นที่ ตลอดจนชุมชน ครอบครัว และโรงพยาบาล ในการดูแลประชาชนตั้งแต่การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค รักษาฟื้นฟู และส่งต่อเพื่อรับการรักษากรณีที่เกินศักยภาพ รวมทั้งติดตามผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล เป็นต้น

Latest articles

LPP ยืนยันกว่า 260 โครงการปลอดภัย หลังเหตุแผ่นดินไหว นอกชายฝั่งเมียนมา

บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 5.4 แมกนิจูด บริเวณนอกชายฝั่งประเทศเมียนมาล่าสุด แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ถึงพื้นที่ใกล้เคียง และอาคารสูงบางแห่งในกรุงเทพมหานคร LPP จึงได้เร่งดำเนินการตรวจสอบสภาพอาคารเบื้องต้นในทุกโครงการที่บริหารจัดการทันที ตามมาตรการดูแลความปลอดภัยที่ LPP กำหนดไว้จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

เนสท์เล่ เดินหน้าขับเคลื่อนการกินอยู่อย่างสมดุล ส่งแคมเปญชวนคนไทย “กินได้ กินดี”

บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด สานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการกินอยู่อย่างสมดุล ผ่านแคมเปญสื่อสารครบวงจร “กินได้ กินดี อร่อยและบาลานซ์ แข็งแรงอย่างยั่งยืน” จุดประกายให้คนไทยบาลานซ์การกิน ให้ตอบโจทย์ทั้งความสุขกับอาหารที่ชอบและประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค...

ชวนเวิร์กช็อป The Marbling Art: การเดินทางของสีและสายน้ำ โดย เมธาสิทธิ์ บุญเอกบุศย์

TCDC ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อป The Marbling Art โดย เมธาสิทธิ์ บุญเอกบุศย์ (Metasit Bunaikbuth) ศิลปินภาพพิมพ์ร่วมสมัยซึ่งเชี่ยวชาญในศาสตร์ Marbling Art

แปรงเก่าสะสมเชื้อโรค! ไลอ้อน จุดกระแส “เปลี่ยนแปรงให้เร็วขึ้น” ไม่ต้องรอ 3 เดือน

Systema ตอกย้ำบทบาทผู้นำนวัตกรรมแปรงสีฟัน ด้วยแคมเปญ “เปลี่ยนแปรงให้เร็วขึ้น” ไม่ต้องรอครบ 3 เดือน ชูความเสี่ยงของแปรงเก่าต่อสุขภาพช่องปาก

More like this