โควิดกระทบผู้บริจาคโลหิตลดฮวบ สภากาชาดย้ำมาตรการเข้ม ปลอดภัย มั่นใจได้!

Published on

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้น มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กระทบทุกภาคส่วน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่ กิจกรรมหลายอย่างในชีวิตประจำวัน ไม่สามารถใกล้ชิดกัน รวมกลุ่มกันจำนวนมาก เพราะเป็นห่วงเรื่องการแพร่กระจาย การบริจาคโลหิตก็เช่นเดียวกัน

ในปัจจุบันการบริจาคโลหิตได้สร้างความวิตกกังวลต่อประชาชนเป็นอย่างมาก ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ จำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลง 50% หน่วยเคลื่อนที่ยกเลิก โรงพยาบาลเบิกเลือดและไม่สามารถจ่ายให้กับโรงพยาบาลได้ ส่งผลให้โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดแคลนเลือด และจำเป็นต้องเลื่อนการผ่าตัด เลื่อนการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเลือดที่จำเป็นต้องได้รับเลือดเป็นประจำสม่ำเสมอ

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ทำหน้าที่จัดหาโลหิตบริจาคให้มีปริมาณเพียงพอ ปลอดภัย และมีคุณภาพสูงสุด ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยจัดทำมาตรฐานความปลอดภัยในหลายมิติ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการรับบริจาคโลหิตมีความปลอดภัย ตั้งแต่ต้นทาง คือ ผู้บริจาคจนปลายทาง คือ ผู้ป่วย รวมทั้งผู้รับบริการอื่นๆ

มาตรการการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่

  1. ทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสร่วมต่างๆ ภายในอาคาร ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและอบ OZONE ห้องรับบริจาคโลหิต
  2. จัดพื้นที่รองรับบริการแต่ละขั้นตอน โดยมีการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร (Social Distancing)
  3. จัดวางแอลกอฮอล์เจล ทำความสะอาดมือทั่วอาคาร
  4. จัดตั้งฉากกั้นระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้บริจาคโลหิตทุกจุดของกระบวนการบริจาคโลหิต ตั้งแต่จุดกรอกแบบฟอร์มบริจาคโลหิต จุดตรวจวัดความเข้มข้นโลหิต ห้องตรวจคัดกรองผู้บริจาคโลหิต และห้องบริจาคโลหิต
  5. จัดเตรียมเครื่องวัดอุณหภูมิคัดกรองบุคลากรและผู้บริจาคโลหิต ก่อนเข้าพื้นที่อย่างเคร่งครัด

มาตรการการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร

  1. บุคลากรที่มีบ้านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้กักกันตัว ปฏิบัติงานที่บ้าน
  2. จัดรถ รับ-ส่ง บุคลากรกรณีที่ไม่มีรถส่วนตัว เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ
  3. บุคลากรทุกคนต้องวัดไข้ก่อนเข้าพื้นที่ปฏิบัติงานทุกครั้ง ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  4. บุคลากรทุกคน ต้องไม่ไปในพื้นที่เสี่ยง หรือแหล่งที่มีผู้คนจำนวนมาก
  5. บุคลากรนำอาหารจากบ้านหรือซื้ออาหารเข้ามารับประทาน ไม่ไปนั่งรับประทานที่ร้านอาหารหรือที่สาธารณะ

มาตรการเพิ่มความปลอดภัยของโลหิตบริจาคสำหรับใช้รักษาผู้ป่วย

นอกจากการเพิ่มมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริจาคโลหิตแล้ว ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ยังกำหนดมาตรการในการคัดกรองประวัติสุขภาพผู้บริจาคโลหิตอย่างรัดกุม ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยขอให้ผู้บริจาคคัดกรองตนเองก่อนเดินทางมาบริจาคโลหิต เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เดินทางไปยังสถานบันเทิง หรือสถานที่แออัด และถ้าผู้บริจาคโลหิตอาศัยอยู่ในพื้นที่ หรือเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาด สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด หรือเป็นผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 ต้องงดบริจาคโลหิตชั่วคราวอย่างน้อย 28 วันหรือ 4 สัปดาห์ สิ่งสำคัญที่ต้องขอความร่วมมือ คือ ผู้บริจาคจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพตนเองด้วยความเป็นจริง และ หากภายใน 14 วัน หลังจากการบริจาคโลหิต หากพบหรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ ผู้บริจาคโลหิตควรแจ้งให้หน่วยงานที่ได้ไปบริจาคโลหิตทราบทันที เพื่อจะได้กักกันหรือเรียกคืนส่วนประกอบโลหิตของผู้บริจาครายนั้นๆ กลับมาและไม่นำไปใช้รักษาผู้ป่วย

มาตรการทั้งหมดครอบคลุมทั้งที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง ทั่วประเทศ หน่วยเคลื่อนที่ และหน่วยเคลื่อนที่ประจำทุกแห่ง ในภาวะขาดแคลนโลหิตนี้ ขอให้ประชาชนและผู้บริจาคโลหิตทุกท่าน มั่นใจว่าเมื่อมาบริจาคโลหิต จะไม่มีความเสี่ยงในการรับเชื้อ เราคำนึกถึงผู้บริจาคและผู้ป่วยเป็นอันดับแรก ร่วมบริจาคโลหิตฝ่าวิกฤติ COVID-19 ส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัยให้กับผู้ป่วย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

โทรศัพท์ 0 2256 4300 และ 0 2263 9600-9 ต่อ 1760, 1770

อีเมล : blood@redcross.or.th.

เว็บไซต์ : http://www.blooddonationthai.com

คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิตเบื้องต้น และการเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต

  1. อายุ 17-70 ปี อายุ 17 ปี ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครอง และถ้าบริจาคสม่ำเสมอต่อเนื่องสามารถบริจาคได้จนถึงอายุ 70 ปี
  2. น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป
  3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 5 ชั่วโมง
  4. สุขาภาพร่างกายดี ไม่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง
  5. ทานอาหารประจำมื้อมาก่อนบริจาคโลหิต งดอาหารหวานจัด มันจัด
  6. งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง
  7. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
  8. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ

Latest articles

“Lamborghini Fenomeno” เปิดตัว ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ลิมิเต็ดอิดิชั่น 29 คันทั่วโลก

ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) ภูมิใจเสนอ “Fenomeno” สุดยอดซูเปอร์สปอร์ตคาร์ ลิมิเต็ดอิดิชั่นรุ่นล่าสุด ที่ผลิตจำกัดเพียง 29 คันทั่วโลก และมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของลัมโบร์กินี เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่มหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ Monterey Car Week 2025

ผลการศึกษาของ ABB ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว

เอบีบี เผยผลสำรวจดัชนีความพร้อมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2025 พบว่าไทยมีความพร้อมและมีบทบาทเป็นผู้นำอย่างชัดเจน ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก เห็นได้จากผู้นำด้านการใช้พลังงานที่ตอบแบบสำรวจมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะแผนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของตนยังคงเดินหน้า แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก เป็นสัญญาณที่แสดงถึงเสถียรภาพของกลยุทธ์ด้านนี้อย่างชัดเจน

BLC นำทัพสมุนไพรนวัตกรรม “ไพลวาน่า” โชว์ศักยภาพในงาน World Expo 2025

‘บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC’ โชว์ศักยภาพสมุนไพรไทยสู่สากลในงาน World Expo 2025 ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ชูผลิตภัณฑ์เรือธง Thai Inno-Herbal แบรนด์ “ไพลวาน่า” ครีมสมุนไพรที่พัฒนาจากเหง้าไพล ด้วยการบูรณาการภูมิปัญญาไทยสู่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์

LULULEMON CREATING A NEW HUB FOR MOVEMENT AND MINDFULNESS IN BANGKOK

lululemon has officially opened the doors to its new store at Megabangna, marking an...

More like this