How to…คุมไว้สังเกต ณ ที่พักอาศัยและแนวทางปฏิบัติ

Published on

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ย้ำ “การกักตัวเอง” ของผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่สามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของโรค เพื่อให้ผู้ที่กักตัวไม่เป็นทั้งผู้แพร่เชื้อและผู้รับเชื้อ ซึ่งจะสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยได้

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย มีจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร พร้อมทั้งออกมาตรการที่เข้มข้น และขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่บ้าน เพื่อลดการสัมผัสเชื้อ ส่วนผู้ที่เข้าข่ายต้องกักตัวเอง หลักๆมีอยู่ 2 กลุ่มคือ 1.ผู้ที่มีความใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง และ 2.ผู้เดินทางมาจากเขตติดโรคติดต่ออันตรายทุกคน ผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคอย่างต่อเนื่องหรือพื้นที่พบผู้ป่วย กรมควบคุมโรค จึงขอย้ำว่า “การกักตัวเอง” เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งประชาชนจะได้ไม่เป็นทั้งผู้แพร่เชื้อและผู้รับเชื้อ

การกักตัวเอง จะใช้เวลาประมาณ 14 วัน (ระยะฟักตัวของโรค) ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้เผยแพร่ข้อมูล “How to…คุมไว้สังเกต ณ ที่พักอาศัยและแนวทางปฏิบัติ” เพื่อให้ผู้ที่ต้องกักตัวเองปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ป่วยและผู้สูงอายุ 2.หยุดเรียนหรือทำงาน รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ 3.ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชู่ทุกครั้งที่ไอ จาม หากไม่มีกระดาษทิชชู่ ให้ใช้ต้นแขนด้านในหรือข้อศอกตัวเองแทนสิ่งสำคัญคือห้ามไอจามใส่ฝ่ามือตัวเอง

4.ห้ามทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น รวมถึงควรแยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม แก้วน้ำ เป็นต้น 5.สวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างจากผู้อื่น 1-2 เมตร 6.แยกห้องนอน 7.ทำความสะอาดที่พักและของใช้ 8.ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และสุดท้าย 9.ทิ้งหน้ากากอนามัยหรือกระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้วให้ถูกวิธี โดยทิ้งในถุงพลาสติก ปิดถุงให้สนิท มิดชิดก่อนทิ้งลงถังขยะที่ปิดมิดชิดและล้างมือด้วยสบู่และน้ำนานประมาณ 15-20 วินาที หรือแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไปทันที

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า นอกจากกักตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำด้วยก็คือ การสังเกตอาการตัวเอง โดยการวัดอุณหภูมิร่างกายของตัวเองและจดบันทึกไว้เป็นประจำทุกวัน หากมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส มีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ และหายใจเหนื่อยหอบ หรือมีอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรพบแพทย์ทันที และแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ทราบ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this