หน้าแรกTechnologyศ.ภญ.ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ผู้อุทิศตนใช้ความรู้ในการผลิตยาต่อต้านไวรัส HIV

ศ.ภญ.ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ผู้อุทิศตนใช้ความรู้ในการผลิตยาต่อต้านไวรัส HIV

Published on

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับ “วันเอดส์โลก” บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟท์ ได้โพสต์เฟสบุ๊คยกย่อง ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ โดยระบุว่า

“Dr. Krisana Kraisintu, a pharmacist from Thailand, has dedicated her life to making medicines more affordable and accessible. Her efforts have saved and improved countless lives” หรือ “ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกรจากประเทศไทย ได้อุทิศชีวิตของเธอในการผลิตยาราคาไม่แพงและสามารถเข้าถึงได้ ความพยายามของเธอช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน”ศ.ภญ.ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ผู้อุทิศตนใช้ความรู้ในการผลิตยาต่อต้านไวรัส HIV ในผู้ป่วยโรคเอดส์ของประเทศไทย ก่อนเร่รอนเดินทางด้วยความมุ่งมั่นเพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตยาต่อต้านเอดส์ในทวีปแอฟริกา ด้วยความหวังที่ต้องการจะให้ผู้ป่วยในประเทศโลกที่สามนั้นสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยาที่มีราคาถูก

ศาสตราจารย์พิเศษ เภสัชกรหญิง ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 เป็นเภสัชกรชาวไทยที่อุทิศตนช่วยเหลือผู้ป่วยในการผลิตยาในทวีปแอฟริกาและเอเชีย กฤษณาเป็นชาวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี บิดาและมารดาเป็นบุคลากรทางสาธารณสุขทั้งคู่ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เธอประกอบวิชาชีพทางสาธารณสุขเช่นกัน

กฤษณาจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา ณ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากนั้นได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาเภสัชวิเคราะห์ มหาวิทยาลัยสตราห์ไคลด์ และปริญญาเอก สาขาเภสัชเคมี มหาวิทยาลัยบาธ สหราชอาณาจักร หลังจากจบการศึกษาแล้ว กฤษณาได้กลับมาดำรงตำแหน่งอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาเภสัชเคมี ในปี พ.ศ. 2524 ต่อมาได้ทำงานในองค์การเภสัชกรรมและเป็นผู้ริเริ่มการวิจัยยาต้านเอดส์จนสามารถผลิตยาสามัญชื่อ “ยาเอดส์” ได้เป็นครั้งแรกในประเทศกำลังพัฒนา เธอดำรงตำแหน่งสุดท้ายในองค์การเภสัชกรรมคือผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรม

ภายหลังลาออกจากองค์การเภสัชกรรม กฤษณาได้เริ่มต้นการทำงานในประเทศคองโกเป็นประเทศแรก และประสบความสำเร็จในการผลิตยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ชื่อ “Afrivir” โดยมีส่วนผสมเหมือนยาที่ผลิตในประเทศไทย หลังจากนั้นก็ได้ช่วยเหลือประเทศอื่นๆในทวีปแอฟริกากว่าอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศเอริเทรีย แทนซาเนีย เบนิน และไลบีเรีย

ผลงานของกฤษณาเป็นที่สนใจในวงกว้างขึ้น เมื่อมีการนำไปตีพิมพ์เป็นส่วนหนึ่งของบทความภาษาเยอรมัน และมีการสร้างภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติของเธอ เรื่อง อะไลฟ์ทูลิฟ – เอดส์เมดิเคชันออฟมิลเลียนส์ (A Right to Live – Aids Medication for Millions) ในปี พ.ศ. 2549 รวมถึงการสร้างภาพยนตร์บรอดเวย์ชื่อ คอกเทลล์ (Cocktail) ในปี พ.ศ. 2550 นอกจากนี้เธอยังได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์โลก (Global Scientist Award) จากมูลนิธิเลตเต็น ประเทศนอร์เวย์ ประจำปี พ.ศ. 2547 รางวัลบุคคลแห่งปีของเอเชียประจำปี พ.ศ. 2551และรางวัลแมกไซไซสาขาบริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. 2552 ปัจจุบันกฤษณาดำรงตำแหน่งคณบดีของคณะการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2535 ดร.กฤษณาได้ศึกษาวิจัยยาต้านไวรัสเอดส์ หลังจากความพยายาม 3 ปี ในปี พ.ศ. 2538 ก็ประสบความสำเร็จในผลิตยาสามัญที่เป็นยาต้านไวรัสเอดส์ได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยยาตัวนั้นคือ “ZIDOVUDINE” (AZT) หลังจากนั้นได้มีการวิจัยต่อยอดยาอีกหลายชนิด แต่ที่ประสบความสำเร็จและดังมากที่สุดคือ “GPO-VIR” ซึ่งเป็นการรวมตัวยารักษาโรคเอดส์ 3 ชนิดในเม็ดเดียวเป็นครั้งแรกของโลก

แต่ด้วยเหตุที่ยาต้านไวรัสเอดส์นั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ปริมาณมากในผู้ป่วย มีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง ดร.กฤษณาจึงริเริ่มผลิตยาในราคาที่ลดลงจากราคาที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีความสามารถในการเข้าถึงยาได้ง่าย ซึ่งกลายเป็นสามารถที่ทำให้บริษัทผลิตยาหลายแห่ง ดำเนินการฟ้องร้อง ซึ่งเรื่องดังกล่าว ดร.กฤษณา ได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรสิทธิมนุษย์ในต่างประเทศ

กระทั่งในปี พ.ศ.2545 ดร.กฤษณา ได้ลงมือกระทำสิ่งที่ใครอาจไม่เคยคิดจะทำมาก่อนด้วยการลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม เพื่อเดินทางไปช่วยเหลือผู้ป่วยในประเทศทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นการเดินทางไปเพียงลำพัง ด้วยความมุ่งมั่นที่ว่า “ถ้าเขาอยากกินปลา เราก็ควรสอนเขาตกปลาเอง ไม่ใช่ว่าเอาปลาไปให้เขากิน” โดยช้เวลา 3 ปีตั้งโรงงานเภสัชกรรมแห่งแรกในประเทศคองโก ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต และสามารถผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ ชื่อ AFRIVIR ได้สำเร็จ

ดร.กฤษณา ยังได้เดินทางไปยังประเทศแทนซาเนีย เพื่อช่วยเหลือในด้านเภสัชกรรม จนสามารถวิจัยและผลิตยารักษาโรคมาลาเรียชื่อ “Thai-Tanzunate” ได้สำเร็จ ซึ่งต่อมายานี้ได้กลายเป็นยาที่ขายดีที่สุดในประเทศ

รวมทั้ง ประเทศอเอริเรีย เบนิน ไลบีเรีย และมาลี รวมทั้งประเทศอื่นๆ ซึ่งชีวิตในแอฟริกานั้นลำบาก โลดโผน และไม่มีความแน่นอน ผลตอบแทนที่เธอได้รับนั้น คือการได้ช่วยเหลือผู้คนจำนวนมหาศาล

ขณะเดียวกันประเทศและหน่วยงานต่างๆต่างมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติให้กับเธอ ได้แก่ รางวัลนักวิทยาศาสตร์โลก (Global Scientist Award) ประจำปี พ.ศ. 2547 จาก Letten Foundation ประเทศนอร์เวย์

รางวัลบุคคลแห่งปีของเอเชีย จากนิตยสารรีดเดอร์ ไดเจส ประจำปี พ.ศ. 2551

รางวัลแมกไซไซสาขาบริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. 2552 รางวัลบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาพัฒนาสังคม โดยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ จากสำนักนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้เรื่องราวของเธอยังเป็นที่รู้จักในยุโรปและอเมริกา และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง A Right to Live-AIDS medication for Millions (2006) ซึ่งได้รับรางวัลเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์กว่า 3 รางวัล และถูกนำไปสร้างเป็นละครบรอดเวย์สหรัฐอเมริกาชื่อ Cocktail

ขอบคุณภาพจาก มหาวิทยาลัยรังสิต

Latest articles

ผลงานเก๋ไก๋ เดินไปยิ้มไป คราฟต์ไทยร่วมสมัย Crafts Bangkok 2025

ของบางอย่างแค่ได้ชมก็ชื่นใจ วันนี้จึงยากชวนไปเดินชมงานนี้ “Crafts Bangkok 2025” งานที่รวบรวมไอเดียเก๋ไก๋จากศิลปินไทย ในเส้นทางของศิลปหัตถกรรมไทยร่วมสมัย บอกได้เลยว่างานนี้ เดินไป ยิ้มไป อย่างแน่นอน

“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หนุน SACIT ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางหัตถกรรมแห่งอาเซียน

กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT เดินหน้ายกระดับศิลปหัตถกรรมไทยสู่เวทีสากล เปิดตัวงาน “Crafts Bangkok 2025” อย่างยิ่งใหญ่ มุ่งผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหัตถกรรมแห่งอาเซียน ผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัยและนวัตกรรม สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่...

ละมุนแบบหนุ่มเชียงราย ร้านอาหารเหนือรสเข้มข้นมีสไตล์ ที่ “ครัวเม็งราย”

อาหารเหนือก็มีศิลปะการทำอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ นำมาซึ่งรสชาติ รสสัมผัส รวมทั้งกลิ่นหอมจากเครื่องสมุนไพรเฉพาะถิ่น หลายเมนูเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนทุกภาค

vivo จับมือ UNESCO – วารสารศาสตร์ มธ. ปั้น โครงการ vivo Academy Capture the Future

vivo ประกาศความร่วมมือ กับองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) และคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดตัวโครงการ “vivo Academy Capture the Future” กิจกรรมบูทแคมป์ถ่ายภาพเพื่อพัฒนาทักษะและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ให้แก่เหล่าเยาวชน

More like this