ม.มหิดล ริเริ่มสอนกู้ชีพออนไลน์

Published on

โลกในศตวรรษที่ 21 มีความแตกต่างจากโลกในศตวรรษที่ผ่านมาในทุกด้าน เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม การศึกษาจึงต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง โดยจำเป็นต้องเพิ่มทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ให้กับนักศึกษา ทั้งในด้านความรู้เกี่ยวกับโลก ตลอดจนความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการเป็นพลเมืองที่ดี

รัฐบาลกำหนดให้วันที่ 26 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ เพื่อให้ทุกฝ่ายรำลึกถึงวันที่ประเทศไทยได้ประสบภัยพิบัติครั้งรุนแรง และกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบจากภัยพิบัติ จะได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติ และดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ซึ่งหลายคนรอดพ้นจากนาทีวิกฤติของชีวิตจากการทำ CPR (Cardiopulmonary resuscitation) หรือการกู้ชีพจากการเป็นมหาวิทยาลัยไทยที่ดีที่สุดทางด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ ปี 2020 จากการจัดอันดับของTimes Higher Education (THE) มหาวิทยาลัยมหิดลคาดหวังให้นักศึกษาทุกคนสามารถทำ CPR หรือการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานได้ ตามดำริของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ที่มองว่าการทำ CPR เป็นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่21 สำหรับนักศึกษา โดยสามารถนำความรู้ด้านสุขภาพ ไปทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของสังคมได้

“มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นสถาบันที่เกิดจากการเป็นโรงเรียนแพทย์ เป็นความคาดหวังของคนในสังคมในเรื่องของการแพทย์ เราจึงคิดริเริ่มให้นักศึกษาทุกคนได้เรียนรู้การทำCPR หรือกู้ชีพเบื้องต้น เพื่อทำประโยชน์ต่อสังคม ช่วยเหลือผู้ป่วยที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งอาจเสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัวหากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธีในเบื้องต้นได้ทันท่วงที โดยเราจะเป็นที่แรกที่ตั้งเป้าว่านักศึกษาทุกคนจะต้องผ่านการอบรม CPR ขั้นพื้นฐาน

โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นนักศึกษาแพทย์ แต่อย่างน้อยได้เรียนรู้วิธีการที่จะช่วยชีวิตผู้ประสบภัยยามฉุกเฉินได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งรวมถึงความสามารถในการใช้เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจชนิดอัตโนมัติ AED ที่อยู่ใกล้ตัวด้วย” ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ กล่าว

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เรืออากาศโท ทันตแพทย์ชัชชัย คุณาวิศรุต รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่า กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พัฒนาพื้นที่หอพักนักศึกษามหิดล (ศาลายา) ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 โดยได้มีการเตรียมจัดสร้างห้อง Mahidol BLS (Basic Life Support) Training Centerไว้เพื่อเป็นพื้นที่ฝึกการกู้ชีพเบื้องต้นให้กับนักศึกษาฝึกทำCPR และใช้เครื่อง AED

มีอุปกรณ์ที่ช่วยในการฝึกช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานพร้อมติดตั้ง ได้แก่ หุ่นฝึกช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน จำนวน 30 ชุด และอุปกรณ์แสดงผลจำนวน 6 ชุด รวมทั้งเครื่อง AED ใน 4 แบบ รวมจำนวน 30 เครื่อง ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปลายเดือนมกราคม 2563 และจะเสร็จสิ้นประมาณปลายเดือนมีนาคม2563

“เรามีวิชา กู้ชีพ กู้ใจ ใครๆ ก็ทำได้” ซึ่งเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองแบบออนไลน์ เป็นรายวิชาที่สอนการกู้ชีพขั้นพื้นฐานและวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยเนื้อหาวิชากล่าวถึงหลักความปลอดภัยก่อนเข้าช่วยเหลือผู้ป่วย การกู้ชีพขั้นพื้นฐานรวมทั้งการใช้เครื่อง AED ได้อย่างถูกต้อง เป็นวิชาที่จะทำให้ใครๆ ก็สามารถให้การช่วยชีวิต หรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ เปิดให้ผู้สนใจทั่วไปลงทะเบียนฟรีที่www.thaimooc.org” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เรืออากาศโททันตแพทย์ชัชชัย คุณาวิศรุต กล่าว

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน หรือ Mahidol University Emergency Response Team (MUERT) ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายาโดย นายสรวิชญ์ วัชรกิจไพศาล ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลและเป็นนักศึกษาประจำหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน ได้เล่าถึงการทำงานของหน่วยว่า มีนักศึกษาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์มาประจำหน่วยหมุนเวียนเปลี่ยนเวรกันตลอด 24 ชั่วโมง

เนื่องจากสาขาวิชาที่เรียนเกี่ยวกับด้านการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินโดยตรง โดยมีทำงานกันเป็นระบบ และประสานงานร่วมกับศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ซึ่งทุกคนในทีมพร้อมที่จะให้การดูแลเบื้องต้นแก่ผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ก่อนที่จะมีการส่งต่อไปรักษายังสถานพยาบาลที่เหมาะสมต่อไป

หลักการทำ CPR เบื้องต้น เริ่มจากการประเมินผู้ป่วยว่ารู้สึกตัวหรือไม่ ด้วยการปลุกดังๆ และขอความช่วยเหลือ โดยโทร1669 เพื่อเรียกแพทย์ฉุกเฉิน และขอเครื่อง AED มาใช้กระตุ้นหัวใจผู้ป่วย ระหว่างรอให้กดหน้าอกปั๊มหัวใจผู้ป่วยไปด้วย โดยวางส้นมือ 2 ข้าง ซ้อนกันกลางกระดูกหน้าอกกดลึก 5 – 6 ซม. ด้วยความเร็ว 100 – 120 ครั้ง/นาที ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าทีมช่วยเหลือจะมาถึง ซึ่งการใช้เครื่อง AED ให้ติดแผ่นนำไฟฟ้าบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา และชายโครงด้านซ้าย และทำตามคำแนะนำของเครื่อง โดยระหว่างติดแผ่นนำไฟฟ้า ห้ามสัมผัสตัวผู้ป่วย

ซึ่งจากการบอกเล่าของนักศึกษารายหนึ่งที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นจนหมดสติไปในขณะวิ่งออกกำลังที่สนามกีฬา และได้รับการช่วยเหลือจนรอดชีวิตด้วยการทำ CPR ประกอบกับการใช้เครื่อง AED เมื่อประมาณต้นปี 2562 ยืนยันว่า CPR เป็นเรื่องใกล้ตัว อาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถึงเเม้จะเป็นผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอก็สามารถเสี่ยงต่ออาการดังกล่าวได้ ซึ่งการฝึก CPR เปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้านที่สามารถต่อลมหายใจของใครหลายคนได้จริงๆ

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this