ภัยหญิงใกล้ตัวปวดท้องให้ระวังนิ่วในถุงน้ำดี

Published on

นิ่วในถุงน้ำดีหรือ (Gallstone) เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการใด ๆ เกิดขี้นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย จึงขอหยิบยกเรื่องโรคนิ่วในถุงน้ำดีมากล่าวถึงพร้อมแนะแนวทางปฏิบัติตนให้เหมาะสม
สำหรับโรคนิ่วในถุงน้ำดี พบอุบัติการณ์ผู้ป่วยในประเทศไทยร้อยละ 5-10 ของประชากร เป็นโรคที่ป้องกันได้ยาก

เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดนิ่ว นิ่วจากคอเรสเตอรอลพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2-3 เท่า พบมากในวัย 40 ปีขึ้นไปหรือวัยกลางคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ และพบมากในคนอ้วน การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงทำให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในถุงน้ำดีมากเกินไป และพบมากในผู้ที่มีอาการจุกแน่นบ่อย ๆ หลังรับประทานอาหารไขมันสูง และมีอาการปวดท้องบ่อย ๆ หลังรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย ก็สามารถเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้เช่นกัน

ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะขนาดเล็กอยู่ในช่องท้อง ลักษณะรูปร่างคล้ายผลแพร์ ขนาดยาว 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว อยู่ใต้ตับบริเวณชายโครงขวา ทำหน้าที่เป็นแหล่งพักของน้ำดี ที่สร้างจากตับและดูดน้ำและเกลือแร่จากน้ำดี เพื่อให้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า ทำให้สามารถส่งออกเพื่อย่อยอาหารประเภทของทอด ของมัน ด้วยปริมาณน้อยอย่างมีประสิทธิภาพในลำไส้เล็กได้ น้ำดีที่สร้างจากตับ มีส่วนผสมของคอเลสเตอรอล บิลลิรูบินและเกลือน้ำดีในสัดส่วนพอเหมาะ ให้คงสภาพสารละลาย แต่เมื่อใดที่องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนนี้ผิดไปจากปกติ เช่น มีการเพิ่มขึ้นมากเกินไปของ

คอเลสเตอรอล หรือบิลลิรูบิน หรือการลดลงของเกลือน้ำดี ร่วมกับการหดตัวน้อยลงของถุงน้ำดี จะทำให้เกิดการตกตะกอนของสารละลาย กลายเป็นเม็ดนิ่วเกิดขึ้นในถุงน้ำดี และนิ่วอาจหลุดไปอยู่ในที่อื่น ๆ เช่น ท่อน้ำดี หรือลำไส้เล็ก ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างกับร่างกาย

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มี 13 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. ภาวะทางพันธุกรรม ทำให้มีการหลั่งคอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นในน้ำดี พบมีส่วนในการก่อโรคประมาณร้อยละ 25 ของสายพันธุ์นั้น ๆ 2. ภาวะอ้วน ยิ่งอ้วนมาก ยิ่งทำให้ร่างกายหลั่งคอเลสเตอรอลมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ำดี 3 เท่า ของผู้ที่ไม่อ้วน

3. การสูญเสียน้ำหนักตัวลงมากอย่างเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดจากการลดอาหารให้เหลือพลังงานน้อยกว่า 500 แคลอรี่ต่อวัน นาน 12 – 16 สัปดาห์ หรือจากการทำให้กระเพาะหดเล็กลงด้วยวิธีการผ่าตัดกระเพาะทิ้งบางส่วน หรือโดยการรัดกระเพาะ จะเกิดปัญหาขึ้นภายใน 2 – 3 เดือน เพราะตับหลั่งคอเรสเตอรอลเพิ่มมากขึ้น

4. การอดอาหารโดยเฉพาะอาหารเช้า จะทำให้มีการเพิ่มขึ้นของคอเลสเตอรอล และลดเกลือน้ำดีร่วมกับการหดตัวน้อยลงของถุงน้ำดี 5. การรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ทั้งคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ และอาหารประเภทกากใยต่ำเป็นประจำ 6. การไม่ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ จะทำให้ถุงน้ำดีหดตัวน้อยลง

7. โรคบางอย่าง เช่น เบาหวาน ตับแข็ง โรคตับอื่น ๆ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคเลือด ภาวะซีด และการติดเชื้อในท่อน้ำดี การแตกตัวของเม็ดเลือดแดง จนเพิ่มบิลลิรูบินขึ้นมาก โรคของลำไส้เล็กส่วนปลาย หรือการผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนนี้

8. ยาต่าง ๆ เช่น ยาลดไขมัน ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมน 9. ช่วงที่ตั้งครรภ์ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น 10. ภาวะที่ร่างกายมีไขมันดี เอชดีแอล ต่ำ 11. ผู้หญิงและผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เพศหญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย 2 – 3 เท่า และโอกาสเป็นเพิ่มสูงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น ในนิ่วที่เป็นคอลเลสเตอรอล 12. ผู้ที่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่อย่างมาก และ13. การให้สารอาหารทางเส้นเลือดเป็นเวลานาน หรือการผ่าตัดหน้าท้อง

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีนิ่วในถุงน้ำดี มักจะไม่แสดงอาการใด ๆ ในรายที่มีอาการ อาจจะเป็นเพียงอาการอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย มีเพียงบางรายที่จะมีอาการปวดท้องบริเวณดังกล่าวอย่างรุนแรง (บริเวณชายโครงขวา หรือลิ้นปี่) หลังรับประทานอาหารที่เป็นของทอด ของมัน อาจปวดตื้อๆ หรือท้องเกร็ง ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ และค้างไว้ระยะหนึ่งแล้ว ปวดน้อยลง เป็นๆหายๆ ช่วงละ 15 – 30 นาที อาจปวดร้าวไปหลัง หรือบริเวณสะบักหลังหรือหัวไหล่ขวา (อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย)

ในรายที่นิ่วอุดตันท่อน้ำดี อาจทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูง หนาวสั่น และตาเหลืองได้ การตรวจร่างกายที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง มักจะตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่หากมีอาการปวดท้องรุนแรง เวลากดหน้าท้องใต้ชายโครงขวา ผู้ป่วยจะกลั้นหายใจ เนื่องจากปวดท้องมาก อาจตรวจได้ไข้สูงและตาเหลือง นิ่วในถุงน้ำดีหากไม่รีบรักษา จะทำให้นิ่วที่อยู่ในถุงน้ำดี ตกไปในท่อน้ำดี กลายเป็นนิ่วในท่อน้ำดี มีความยุ่งยากในการรักษา และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี ก็คือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ใส่ใจไปตรวจ เพราะยังมีความเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะอาหาร ก็ไปซื้อยาลดกรดหรือยารักษาโรคกระเพาะมารับประทานเอง เมื่อมาพบแพทย์ก็อักเสบและมีอาการรุนแรงมากแล้ว จนก้อนนิ่วตกไปในท่อน้ำดีแล้ว ซึ่งจะทำให้การรักษายุ่งยากมากขึ้น การรักษานิ่วในถุงน้ำดีแม้จะมีหลายวิธี แต่การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกเป็นวิธีการที่แก้ปัญหาได้อย่างถาวร

 

 

 

 

 

 

บทความโดย : ผศ.นพ.อุทัย เก้าเอี้ยน
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this