จริงหรือไม่? กินยามากๆ เสี่ยงไตพัง แล้วจะกินอย่างไรให้ถูกต้อง

Published on

เมื่อกล่าวถึงโรคไต สิ่งที่คนส่วนใหญ่จะพูดถึงคือ เรื่องของการกินยามากๆ จะทำให้ไตพัง จนทำให้คนไข้หรือคนทั่วไป ไม่ยอมกินยาตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจจะเข้าใจผิด เพราะไม่ใช่ยาทุกชนิดที่รับประทานเข้าไปจะส่งผลต่อไต เราลองมาดูกันว่า แท้จริงแล้ว จะกินยาอย่างไร เพื่อไม่ให้ไตพัง

ปัจจุบันข้อมูลจากกรมการแพทย์พบว่าคนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน โดยกว่า 100,000 คน เป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่ต้องได้รับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งนอกจากต้องเสียค่าใช้จ่าย  ค่ายา ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและญาติทำให้ต้องเสียเวลาในการมาฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้องเป็นประจำ และคงไม่มีใครอยากลางานสัปดาห์ละครั้งหรืออาจจะมากกว่านั้น หรือต้องสละเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันกับครอบครัวหรือคนที่คุณรัก เพื่อมานั่งฟอกเลือดที่โรงพยาบาลครั้งละ 4-5 ชั่วโมงไปตลอดชีวิตจนกลายเป็นเป็นกิจวัตร

อีกทางเลือกหนึ่งคือการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไต ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายสูง และโอกาสที่จะได้รับไตมาเปลี่ยนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ได้เปลี่ยนไตแล้วก็ยังไม่จบเท่านั้น ต้องดูแลไตที่ถูกเปลี่ยนถ่ายมาใหม่เป็นอย่างดี ด้วยการรับประทานยากดภูมิไปตลอดชีวิต ซึ่งยาก็มีทั้งอาการข้างเคียง พร้อมข้อปฏิบัติที่ต้องทำตามและสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง และเนื่องในวันไตโลกที่กำลังจะมาถึงซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 มีนาคม 2562 โรงพยาบาลพระรามเก้าจึงตระหนักถึงความสำคัญและร่วมรณรงค์เพื่อให้ทุกคนดูแลป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคไต ถ้าไม่อยากต้องกลายเป็นหนึ่งในแสนคนนั้น เรามาดูแลไตของเรากันเถอะเริ่มตั้งแต่วันนี้ยังไม่สาย

เภสัชกรหญิงแพรพิไล สรรพกิจจานนท์

เภสัชกรหญิงแพรพิไล สรรพกิจจานนท์ โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า โรคไตเรื้อรังส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ และที่สำคัญคือ การใช้ยา และสมุนไพรที่ทำอันตรายต่อไต โดยคนไข้ไตที่เกิดจากการควบคุมโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงไม่ได้  พบว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการไม่ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะเชื่อว่าการรับประทานยามาก ๆ จะทำให้ไตพัง ซึ่งไม่ใช่ยาทุกชนิดที่รับประทานเข้าไปแล้วจะไปมีผลต่อไต ในการทำการรักษาแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกยาและขนาดยาที่เหมาะสมกับสภาวะของคนไข้ และมีการตรวจติดตามค่าการทำงานของไตเป็นประจำ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไต

ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไข้ต้องรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ และมาตรวจติดตามผลการรักษาเป็นประจำ เมื่อควบคุมโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้แล้ว ความเสี่ยงในการเป็นโรคไตเรื้อรังก็จะลดน้อยลง แต่ประเด็นหลักที่ยังเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบันคือการซื้อยามารับประทานเอง ยาที่เป็นอันตรายต่อไตที่พบปัญหามากที่สุดคือ กลุ่มยาแก้ปวดแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ซึ่งเป็นยาที่คนไทยนิยมใช้เป็นจำนวนมาก

เพราะเป็นยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เป็นยาที่ใช้กันอยู่แล้วในชีวิตประจำ ไม่ว่าจะใช้เป็นยาลดไข้ ใช้บรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน อาการปวดจากโรคเกาต์  ข้อเข่าเสื่อม ปวดประจำเดือน และ แก้อาการปวดฟัน ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ แอสไพริน ไอบูโพรเฟน นาโปรเซน  ไดโคลฟีแนค เป็นต้น เนื่องจากยากลุ่มนี้จะทำให้เลือดไปเลี้ยงไตลดลง   ทำให้การทำงานของไตแย่ลง หากรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือรับประทานยาในกลุ่มเอ็นเสดซ้ำซ้อนก็อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ ยาอื่นๆที่พบว่ามีผลต่อไตได้แก่ ยาต้านจุลชีพบางชนิด เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir)   สเตรปโตมัยซิน (Streptomycin) ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ซึ่งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยา  แต่ที่อันตรายกว่านั้นคือการรับประทานยาชุด ยาสมุนไพร ยาบำรุง และอาหารเสริม ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ไม่ระบุตัวยา และส่วนประกอบที่ชัดเจนซึ่งมักมีการลักลอบใส่สารที่เป็นอันตรายและเป็นพิษต่อไต ทำให้เนื้อไตอักเสบเฉียบพลันหรือเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มดังกล่าว   แต่หากมีอาการเหนื่อยง่าย บวม ปวดสีข้างด้านหลัง ปัสสาวะน้อยลง ปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ หรือปัสสาวะมีฟองมากผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนโรคไต แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจการทำงานของไต และดูแลรักษาอย่างถูกต้องก่อนที่เนื้อไตจะถูกทำลายอย่างถาวร จนกลายเป็นโรคไตวายเรื้อรัง

กินยาอย่างไรไตไม่พัง…อย่างแรกคือลดปริมาณการใช้ยาที่ไม่จำเป็น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนซื้อยารับประทานเอง หรือหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยาที่รับประทานอยู่ว่าซ้ำซ้อนกัน หรือมีผลต่อการทำงานของไตหรือไม่ ในผู้ป่วยโรคเรื้อรังก็ควรไปพบแพทย์เป็นประจำ ไม่ควรซื้อยารับประทานเองอย่างต่อเนื่องเพียงเท่านี้ไตก็จะอยู่ให้ร่างกายเราพร้อมใช้ไปตลอดชีวิต

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this