เตือนช่วงนี้แพลงก์ตอนพิษแพร่พันธุ์ กินแมงดา อย่าสับสน

Published on

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนอย่าสับสนรับประทานไข่แมงดาที่มีพิษ เนื่องจากแมงดาทะเลมี 2 ชนิด ทั้งแบบมีพิษและไม่มีพิษ หลังรับประทานไปแล้วหากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และชาบริเวณลิ้นหรือปาก ควรรีบพบแพทย์ทันที

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงที่สามารถหาแมงดาทะเลมารับประทานได้ง่าย ซึ่งหากประชาชนนำแมงดาถ้วยมาประกอบอาหาร เพราะคิดว่าเป็นแมงดาจานที่ไม่เป็นอันตรายต่อการบริโภค อาจทำให้ได้รับพิษที่สะสมอยู่ในเนื้อและไข่ของแมงดาถ้วย ซึ่งเป็นพิษที่ทนความร้อนได้สูงมาก การต้ม ทอด ปิ้ง หรือย่าง ไม่สามารถทำลายพิษได้

แมงดาทะเลมี 2 ชนิดคือ แมงดาจาน หรือแมงดาทะเลหางเหลี่ยม ไม่มีพิษ สามารถรับประทานได้ มีขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ตามพื้นทะเล วางไข่ตามริมชายฝั่งที่เป็นดินทราย และอีกชนิด คือแมงดาถ้วย ซึ่งมีชื่อเรียกหลายชื่อได้แก่ แมงดาทะเลหางกลม หรือเห-รา หรือแมงดาไฟ จะมีพิษ ไม่สามารถรับประทานได้ ลำตัวมีสีส้มหรือสีน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็กกว่าแมงดาจาน อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลที่เป็นดินโคลนและตามคลองในป่าชายเลน

ซึ่งแมงดาถ้วยมีพิษชนิดเดียวกับปลาปักเป้า เป็นพิษที่เกิดจากแบคทีเรียในลำไส้ของแมงดาถ้วย หรือเกิดจากการกินตัวแพลงก์ตอนที่มีพิษหรือกินหอยหรือหนอนที่มีแพลงตอนพิษ ทำให้สารพิษไปสะสมอยู่ในเนื้อและไข่

จึงขอย้ำเตือนประชาชนอย่าสับสน ระมัดระวังการกินไข่แมงดาในช่วงกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายน ซึ่งมักพบการแพร่พันธุ์ของแพลงก์ตอนพิษจำนวนมาก ทำให้ผู้ที่รับประทานเกิดอาการป่วยรุนแรงและเฉียบพลัน

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า หากมีอาการมึนงง ชาบริเวณลิ้น ปาก ปลายมือ ปลายเท้าและมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตาม มือ แขน ขา ตามลำดับ รวมทั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน บางรายอาจมีน้ำลายฟูมปาก เหงื่อออกมาก พูดลำบาก ตามองเห็นภาพไม่ชัด หลังจากรับประทานแมงดาทะเลประมาณ 10-45 นาที หรืออาจช้าไปจนถึง 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับชนิดและแหล่งที่อยู่ของแมงดาทะเล ฤดูกาล จำนวนที่รับประทาน หรือปริมาณของสารพิษที่ได้รับ ซึ่งผู้ที่รับประทานไข่แมงดาทะเล บางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นอาจเสียชีวิตจากการหยุดหายใจได้ หากมีอาการดังกล่าวให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด จะช่วยให้ได้รับการรักษาที่เร็วขึ้น ประชาชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

 

Latest articles

ดีลอยท์ ชี้กลยุทธ์การควบรวมและการซื้อกิจการเชิงเปลี่ยนผ่าน สร้างผลตอบแทนการลงทุนให้ผู้ถือหุ้นมากกว่าสองเท่า 

รายงานวิจัยล่าสุดของดีลอยท์ “คู่มือสำหรับนักเปลี่ยนผ่านด้านการเติบโต” (The Growth Transformer’s Playbook) พบว่า บริษัทที่นำกลยุทธ์ควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) มาเป็นแกนหลักในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ สามารถสร้างผลตอบแทนเหนือคู่แข่งที่ดำเนินธุรกิจรูปแบบเดิม โดยสามารถสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 464 ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี S&P 1200 ที่ร้อยละ 157 ถึงสองเท่า

“เช็กอิน ฟิน ว้าว ตะวันออก X เฉียงเหนือ” 7 จังหวัด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนไทย–กัมพูชา

ททท. เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวชายแดน ภายใต้โครงการ “เช็กอิน ฟิน ว้าว ตะวันออก X เฉียงเหนือ” เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ครอบคลุม 7 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด

Red Hat AI 3 มอบศักยภาพ Distributed AI Inference เสริมแกร่งการนำ AI Workloads ไปใช้งานจริง

แพลตฟอร์ม AI แบบไฮบริดคลาวด์เนทีฟของ Red Hat ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ AI มอบความสามารถในการอนุมานแบบใหม่ที่ทรงพลัง สร้างรากฐานให้กับ agentic AI ในวงกว้าง เสริมศักยภาพให้ทีมไอทีและวิศวกร AI สร้างสรรค์นวัตกรรมได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

มรภ.สวนสุนันทา ชวนดำดิ่งไปกับ The Body Painting and Costume Design Showcase 2025

แขนงวิชาศิลปะการละครและความเป็นผู้ประกอบการสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ขอเชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของท้องทะเลในงาน “The Body Painting and Costume Design Showcase 2025” ภายใต้แนวคิด “Blue Symphony – จังหวะแห่งห้วงมหาสมุทร”

More like this