สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ ชี้ 4 ปัจจัยบวก ส่งตลาดเมืองไทยมาแรงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยปี 2567 มูลค่าการนำเข้าอาหารทะเลจากนอร์เวย์เพิ่มขึ้น 13% “แซลมอน” ยึดแชมป์ปลาสุดฮอตครองใจลูกค้า คาดปีนี้ทะลุ 31,000 ตัน
ปัจจุบันนอร์เวย์ เป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้ทำการส่งออกไปยัง 150 ประเทศ รวมกว่า 2.8 ล้านตันต่อปี หรือ คิดเป็นมูลค่า 5.60 แสนล้านบาท หากเปรียบเทียบเป็นมื้ออาหาร จะคิดเป็น 38 ล้านมื้อต่อวัน
ตลาดหลัก 3 อันดับแรกในการส่งออกอาหารทะเลของนอร์เวย์ คือ อันดับ 1 ยุโรป อันดับ 2 อเมริกา และอันดับ เอเชีย โดยในตลาดเอเชีย ประเทศที่มีการนำเข้าอาหารทะเลจากนอร์เวย์มากที่สุดคือ จีน รองลงมาคือ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น
หากเจาะลงลึกเฉพาะปลาแซลมอนจากนอร์เวย์ในประเทศเอเชีย พบว่า ในปี 2567 จีนมีปริมาณการนำเข้าแซลมอนนอร์เวย์ 44,000 ตัน เกาหลีใต้ 29,000 ตัน และญี่ปุ่น 2,6800 ตัน
คริสเตียน เครเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) เปิดเผยว่า ในปี 2567 เป็นปีที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการผลิตแซลมอนเป็นอย่างมาก รวมถึงความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม นอร์เวย์ยังสามารถส่งออกอาหารทะเลกว่า 60 สายพันธุ์ ไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ส่งผลต่อมูลค่าการส่งออกอาหารทะเลของนอร์เวย์ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยในช่วงปี 2563 ถึง 2567 เพียงระยะเวลา 5 ปี มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นราว 2.25 แสนล้านบาท (เจ็ดหมื่นล้านโครนนอร์เวย์) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของอาหารทะเลจากนอร์เวย์ในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี
โอซฮิลด์ นัคเค่น ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) เปิดเผยว่า ตลาดประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องสำหรับอาหารทะเลจากนอร์เวย์ โดย “แซลมอน” ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 70% และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ขณะที่ “ฟยอร์ดเทราต์” ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และ “นอร์วีเจียนซาบะ” ยังถือเป็นเมนูที่พบได้บ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น
เผย 4 ปัจจัยบวก ส่งอาหารทะเลนอร์เวย์ครองใจลูกค้าไทย
สำหรับ 4 ปัจจัยบวกสำหรับการเติบโตของตลาดอาหารทะเลระดับพรีเมียมในประเทศไทย ประกอบด้วย
ด้านเศรษฐกิจ: ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยังเป็นไปในทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ความนิยมที่มีต่อร้านอาหารญี่ปุ่น: ปัจจุบันประเทศไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 5,700 แห่ง และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พฤติกรรมการบริโภคของคนไทย: ปัจจุบันคนไทยเลือกบริโภคอาหารทะเลจากนอร์เวย์ ทั้งการรับประทานในร้านอาหาร และการซื้อวัตถุดิบเพื่อนำมาปรุงเอง รวมทั้งยังมีรูปแบบการสร้างสรรค์เมนูท้องถิ่นมากขึ้นอีกด้วย
ความร่วมมือระหว่างประเทศ: ปัจจุบัน ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่เพิ่งลงนามร่วมกันภายใต้กรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) โดยอาหารทะเลมีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของการส่งออกทั้งหมดจากนอร์เวย์มายังประเทศไทย
ภายใต้ความตกลงนี้คาดว่าจะช่วยลดอุปสรรคทางการค้า กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้า และลดภาษีนำเข้าอาหารทะเลจากนอร์เวย์ในช่วงอีกหลายปีข้างหน้า โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดประเทศไทยจะเติบโตขึ้นถึง 16% ภายในปี 2573
แซลมอนยังมาแรง ยึดตำแหน่งปลาสุดเลิฟ
สำหรับการนำเข้าอาหารทะเลจากนอร์เวย์ของประเทศไทยในปี 2567 มูลค่านำเข้าอาหารทะเลจากนอร์เวย์ อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท (3.06 พันล้านโครนนอร์เวย์) เพิ่มขึ้น 13% คิดเป็นปริมาณ 42,500 ตัน เพิ่มขึ้น 8% โดยสัดส่วนหลัก 91% เป็นปลาในตระกูลแซลมอนสด (แซลมอนและฟยอร์ดเทราต์รวมกัน)
“แซลมอน” ยังเป็นปลาที่ได้รับความนิยมมากในเมืองไทย โดยในปี 2567 ประเทศไทยนำเข้าปลาแซลมอนจากนอร์เวย์จำนวนทั้งสิ้น 19,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าหกพันล้านบาท (1.9 พันล้านโครนนอร์เวย์), ฟยอร์ดเทราต์จำนวน 8,000 ตัน มูลค่า 2.31 พันล้านบาท (722 ล้านโครนนอร์เวย์), และนอร์วีเจียนซาบะจำนวน 11,500 ตัน มูลค่า 940 ล้านบาท (293 ล้านโครนนอร์เวย์)
ปี 2567 ปริมาณนำเข้าปลาในตระกูลแซลมอน (แซลมอนและฟยอร์ดเทราต์รวมกัน) จากนอร์เวย์ อยู่ที่ 27,000 ตัน และมีแนวโน้มว่าปลายปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 31,000 ตัน
ส่งแคมเปญเด็ด ฉลอง 120 ปี ไทย-นอร์เวย์
โอซฮิลด์ นัคเค่น กล่าวว่า ปี 2568 เป็นอีกหนึ่งปีที่น่าตื่นเต้น เพราะยังเป็นโอกาสครบรอบ 120 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและนอร์เวย์อีกด้วย เราเตรียมกิจกรรมการตลาดไว้มากมาย อาทิ แคมเปญ ‘Salmon Saturday เสาร์สุดฟิน ชวนกินแซลมอน’ ที่เชิญชวนให้ผู้บริโภคเลือกกินหรือทำเมนูแซลมอนในวันเสาร์ โดยร่วมมือกับร้านอาหารและร้านค้าพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศ, แคมเปญ ‘From Sea to Sky: 120 Years of Friendship จากท้องทะเลสู่น่านฟ้า 120 ปีแห่งมิตรภาพไทย-นอร์เวย์’ ร่วมกับการบินไทย, เทศกาล Seafood from Norway ซึ่งมุ่งสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารทะเลจากนอร์เวย์ในวงกว้าง ตลอดจนกิจกรรมอีกมากมายตลอดทั้งปี”
ธุรกิจอาหารทะเลนอร์เวย์กับความยั่งยืน
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอาหารทะเลของนอร์เวย์ให้ความสำคัญกับนโยบายเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน โดยการทำประมงในนอร์เวย์จะมีกฎระเบียบและมาตรการที่คุมเข้ม เช่นการกำหนดโควตาในการทำประมง การจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ การพักฟื้นพื้นที่ทำประมงหลังฤดูกาลเก็บผลผลิต ฯลฯ อันเป็นเหตุผลให้ อาหารทะเลจากนอร์เวย์ยังคงคุณภาพและมีผลผลิตที่ต่อเนื่องสำหรับป้อนให้กับอุตสาหกรรมทั่วโลก
ร่วมแสดงศักยภาพ งาน THAIFEX – Anuga Asia 2025
ล่าสุด สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) ได้เข้าร่วมงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 โดยผู้ส่งออกอาหารทะเลจากนอร์เวย์จำนวน 21 ราย ได้ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์อาหารทะเลระดับพรีเมียมหลากหลายชนิด ในระหว่างวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม ณ Seafood from Norway Pavilion อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ประตูทางเข้า 1 หมายเลขบูธ K29 – L29 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
เกี่ยวกับสภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์
สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) เป็นบริษัทมหาชนภายใต้กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และการประมง สภาฯ ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของนอร์เวย์ เพื่อพัฒนาและขยายตลาดอาหารทะเลส่งออกจากนอร์เวย์ เป็นตัวแทนผู้ส่งออกอาหารทะเลและอุตสาหกรรมอาหารทะเลของประเทศนอร์เวย์ ‘Seafood from Norway’ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงแหล่งกำเนิดของอาหารทะเลที่จับได้หรือเพาะเลี้ยงในแหล่งน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของประเทศนอร์เวย์