การควบรวมกิจการ (M&A) ในประเทศไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว

Published on

บริษัทมาซาร์สในประเทศไทยรายงานว่าการทำธุรกรรมเพื่อควบรวมกิจการ (M&A) ในประเทศไทยเริ่มมีการฟื้นตัวแล้วในขณะที่สถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น โดยมีบริษัทจดทะเบียนของไทยหลายแห่งที่กำลังอยู่ระหว่างการทำข้อตกลงเพื่อควบรวมกิจการทั้งในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่นักลงทุนร่วมทุนประเภทไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity) และนักลงทุนร่วมทุนต่างชาติก็เริ่มเข้ามาในตลาดไทยกันอย่างคึกคัก

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทตรวจสอบและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลกและผู้ให้บริการด้านการบัญชี การตรวจสอบบัญชี กฎหมาย ภาษี และการเงิน – มาซาร์สในประเทศไทย ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการควบรวมกิจการ (M&A) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และภาวะเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะเดียวกัน นักลงทุนร่วมทุนประเภทไพรเวทอิควิตี้และนักลงทุนร่วมทุนจากต่างชาติก็มองเห็นศักยภาพมหาศาลในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและภาคผู้บริโภคในตลาดไทย ในขณะที่นักลงทุนไทยก็กำลังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและทั่วภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากรายงานของมาซาร์สฉบับเดือนพฤศจิกายน 2564 การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย การระบาดของโควิด-19 ยังทำให้บริษัทต่างๆ ยืดระยะเวลาในการขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการให้ล่าช้าออกไปด้วย ธุรกรรมด้าน M&A ส่วนใหญ่ถูกระงับไว้ชั่วคราว เนื่องจากนักลงทุนต้องการประเมินสภาวะตลาดหลังวิกฤติโควิด-19 อีกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน

อย่างไรก็ตาม มาซาร์สในประเทศไทยได้ตั้งข้อสังเกตว่าการทำธุรกรรมควบรวมกิจการเริ่มมีแววฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 โดยในรายงานของมาซาร์สชี้ว่า มูลค่าในการทำข้อตกลงทางธุรกรรมก็เริ่มเติบโตเช่นกันจากไตรมาสที่ 4 ปี 2563 เป็นต้นไป และมูลค่าในการทำข้อตกลงก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 2 ปี 2564

รายงานระบุว่า ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564 มีการประกาศการทำข้อตกลงไปแล้วทั้งสิ้น 206 รายการ และจนถึงขณะนี้มีอยู่ 101 ธุรกรรมที่ทำสำเร็จลุล่วงไปแล้วในปีนี้ โดยในจำนวนนี้ เป็นธุรกรรมที่ประกาศในระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนตุลาคม ซึ่งมีอยู่จำนวน 77 รายการ ส่วนใหญ่เป็นการทำข้อตกลงในธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ซอฟต์แวร์ พลังงาน โลจิสติกส์ สุขภาพ และการบริการ เชื่อว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
รายงานของมาซาร์สชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากธุรกรรม 34 รายการที่สำเร็จลุล่วงไปเมื่อไตรมาสที่ 3 ปี 2564 มี 14 รายการที่เกิดขึ้นจากบริษัทมหาชนของไทย โดยรายงานระบุว่า บริษัทจดทะเบียนไทยมีการทำการควบรวมกิจการมากขึ้นทั้งในประเทศ และในภูมิภาคอาเซียน โดยบริษัทที่อยู่ในภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และการเงินการธนาคารมีการดำเนินการเชิงรุกมากเป็นพิเศษในเรื่องการทำการควบรวมกิจการในภูมิภาค

ประเสนจิต จักราบดี

ประเสนจิต จักราบดี หุ้นส่วนสายงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินของมาซาร์สในประเทศไทย กล่าวว่าปรากฏการณ์น่าสนใจที่เกิดขึ้นคือนักลงทุนประเภทไพรเวทอิควิติ้และนักลงทุนร่วมทุนแสดงความกระตือรือร้นมากขึ้นในตลาดไทยและมีการมองหาโอกาสที่จะทำธุรกรรมระหว่างกัน เขากล่าวว่านักลงทุนเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่ภาคธุรกิจด้านเทคโนโลยีและภาคการบริโภคเป็นส่วนใหญ่ โดยรวมแล้ว นักลงทุนเริ่มมั่นใจในการทำการควบรวมกิจการในประเทศไทย ใขณะเดียวกัน บริษัทของไทยก็เริ่มมีการขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศด้วย อาทิเช่นธนาคารกรุงเทพ มีการเข้าซื้อกิจการของ PT Bank Permata Tbk ซึ่งเป็นธนาคารที่มีมูลค่าสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 12 ของอินโดนีเซีย ในด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์นั้น SCG Packaging ก็ได้มีการประกาศการลงทุนในสหราชอาณาจักรและเวียดนาม เพื่อขยายบริการบรรจุภัณฑ์อาหารในตลาดโลก

สตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีของไทยนั้น เป็นเป้าหมายสำคัญของการทำธุรกรรมสำหรับนักลงทุนประเภทไพรเวทอิควิตี้และนักลงทุนร่วมทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ มาซาร์สเห็นว่ามีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นในภาคธุรกิจดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้
นายประเสนจิต กล่าวว่าธุรกรรมด้านการควบรวมกิจการมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในภูมิภาคอาเซียน อย่างไรก็ตาม จากมุมมองด้านกฏหมายและเรื่องราคาของกิจการ สถานการณ์จากโควิด-19 ทำให้การควบรวมกิจการมีความซับซ้อนมากขึ้น

“เรารู้สึกว่าผู้ซื้อมีความระมัดระวังมากขึ้นก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้ซื้อจะให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบวิเคราะห์ทั้งเรื่องของสถานะทางการเงิน ภาษี และการตรวจสอบทางกฎหมาย เพื่อค้นหาความเสี่ยงของการลงทุนในธุรกิจที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลให้มีการปรับราคาที่ถูกยื่นเสนอหรือการกำหนดเงื่อนไขบังคับก่อนใขข้อตกลงการซื้อขาย นอกจากนี้ เราเชื่อว่าผู้ซื้อจะสนใจโอกาสในการเติบโตสำหรับธุรกิจเป้าหมายมากขึ้น”

ประเสนจิต ยังกล่าวอีกว่าความเชี่ยวชาญด้านการควบรวมกิจการของมาซาร์ส จะทำให้สามารถช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องการทำการควบรวมกิจการได้อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ โดยบริการการทำธุรกรรมของมาซาร์ส ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจสอบสถานะทางการเงิน การตรวจสอบวิเคราะห์เชิงพาณิชย์ การประเมินมูลค่าและการสร้างแบบจำลองทางการเงิน การเจรจาต่อรอง การจัดสรรราคาซื้อ การร่างเอกสารการซื้อขาย บริการทางด้านการเงินขององค์กร รวมถึงการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระหว่างการควบรวมกิจการ

ในขณะเดียวกัน โจนาธาน สจวต สมิธ หุ้นส่วนสายงานด้านที่ปรึกษาทางภาษีอากรของ มาซาร์สในประเทศไทย กล่าวเสริมว่า มาซาร์ส สามารถให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านภาษี กฎหมาย และการเงินสำหรับผู้ที่สนใจทำข้อตกลงควบรวมกิจการ

โจนาธาน สจวต สมิธ

“การทำงานแบบครบวงจรของเรานั้น รวมถึงการมีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี และกฎหมายที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพิจารณาวิเคราะห์และตรวจสอบสถานะและโครงสร้างทางการเงิน เราสามารถช่วยลูกค้าในการปรับโครงสร้างราคาเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มความสนใจในข้อตกลงด้านสินทรัพย์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสในการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์จากลดหย่อนภาษี ตลอดจนช่วยบริหารจัดการเรื่องอื่นๆ เพื่อช่วยให้ธุรกรรม M&A ของลูกค้าประสบความสำเร็จ”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่ https://www.mazars.co.th/

Latest articles

วว. จับมือ วช. ขับเคลื่อนโครงการปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ สร้างมูลค่า ลดมลภาวะฝุ่น PM 2.5

“มลภาวะจากฝุ่น PM 2.5” โดยมากจะเกิดในช่วงฤดูหนาวที่อากาศนิ่งและแห้ง ส่งผลให้ฝุ่นไม่ลอยขึ้นที่สูง  หากมีฝุ่น PM 2.5 ในอากาศปริมาณสูงมาก จะมีลักษณะคล้ายกับมีหมอกควัน โดยฝุ่น PM 2.5 สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และซึมเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้ตัวฝุ่นเองยังเป็นพาหะนำสารมลพิษอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายด้วย เช่น โลหะหนัก สารก่อมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งทุกภาคส่วนในสังคมไทยได้ให้ความสำคัญในการหาแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว

ฟูจิตสึเริ่มเดินหน้าพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมซูเปอร์คอนดักติ้งขนาดกว่า 10,000 คิวบิตอย่างเป็นทางการ

ฟูจิตสึ ประกาศเดินหน้าวิจัยและพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมซูเปอร์คอนดักติ้งขนาดกว่า 10,000 คิวบิต โดยมีแผนแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2573 การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NEDO ซึ่งมุ่งส่งเสริมการนำคอมพิวเตอร์ควอนตัมไปใช้งานเชิงอุตสาหกรรมในอนาคต

สกพอ.จับมือ Osaka City หนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero

สกพอ. จับมือ Osaka City ลงนาม MOU หนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ขับเคลื่อนดึงภาคเอกชนญี่ปุ่นลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียว สู่พื้นที่อีอีซี ดร....

‘ดีพร้อม’ ปิดฉาก มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย ย้ำพลังซอฟต์พาวเวอร์อาหารและแฟชั่นไทย

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) หรือ ดีพร้อมประกาศความสำเร็จการจัดงาน ‘มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM’ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–12 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 เมืองทองธานี ปิดฉากอย่างงดงาม พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยด้านอาหารและแฟชั่น ตอกย้ำศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ไทยสู่ตลาดโลก

More like this