เปิดตัว “แอนตาเวียร์”นวัตกรรมสมุนไพรไทยต้านโควิด-9 งานวิจัยล่าสุด คณะแพทยศาสตร์ สจล.

Published on

นักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกับ บริษัท เมดิกรีน จำกัด เปิดตัว “แอนตาเวียร์” นวัตกรรมสมุนไพรไทยต้านโควิด-19 หวังเป็นอีกหนึ่งทางรอดในการป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆ รวมถึงโรคโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์อนวัช เสริมสวรรค์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์ สจล. กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์โรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 5 หรือมากกว่า 6 แสนคนทั่วโลก ทำให้คณะแพทยศาสตร์ สจล. ตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการคิดค้นยาต้านไวรัสที่ดีและปลอดภัย ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการแพร่เชื้อง่ายและมีความรุนแรง เป็นที่มาของการศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยเพื่อนำมาใช้ในการรักษาไข้หวัด

โดยล่าสุด สจล. ร่วมกับภาคเอกชน ทำการศึกษาวิจัยสมุนไพรต้านโควิด-19 ในชื่อ “แอนตาเวียร์” โดยใช้เทคโนโลยีการห่อหุ้มสารสำคัญจากสมุนไพรเพื่อกำจัดเชื้อไวรัส และได้รับการรับรองอนุสิทธิบัตรมานานกว่า 3 ปี อีกทั้งเทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพให้กับคนไทย ซึ่งทางผู้บริหารของ สจล. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ วช. ไปเป็นที่เรียบร้อย ในปี 2561

นายแพทย์อนวัช เสริมสวรรค์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์ สจล.

โครงการศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยดังกล่าวได้ทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของสมุนไพรไทย อาทิ ขมิ้น พลูคาว และกระชายขาวมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี จนค้นพบว่าสมุนไพรดังกล่าวสามารถหยุดยั้งการเติบโตของเชื้อไวรัสได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการรักษาไข้หวัด โดยเฉพาะไข้หวัดที่มีความรุนแรง เช่น โควิด-19

นอกจากนี้ คณะแพทยศาสตร์ สจล. ยังเตรียมเดินหน้าพัฒนางานวิจัยดังกล่าวเพื่อประยุกต์ใช้กับสมุนไพรไทยตัวอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกแทนการรักษาด้วยยานำเข้าจากต่างประเทศที่มีผลข้างเคียงและราคาแพง ป้องกันการใช้ยาผิดประเภทเช่น การใช้ยาปฏิชีวนะเกินความจำเป็น ซึ่งการขับเคลื่อนงานวิจัยนี้จะมีส่วนช่วยลดต้นทุนการนำเข้ายาจากต่างประเทศในระยะยาว ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง สร้างและผลิตยาสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสได้เองภายในประเทศ โดยใช้องค์ความรู้ บุคลากรและทรัพยากรสมุนไพรที่มีในประเทศไทย เพื่อให้เราสามารถพึ่งพาตัวเองและสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตร

ดร. เกรียงศักดิ์ ขาวเนียม อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ สจล.

ดร. เกรียงศักดิ์ ขาวเนียม อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ สจล. กล่าวเสริมว่า “แอนตาเวียร์” หรือนวัตกรรมสมุนไพรไทยต้านโควิด-19 ข้างต้น ถูกพัฒนาขึ้นในรูปแบบซอฟต์เจลร่วมกับแคปซูลปกติ เพื่อเพิ่มการดูดซึมของสารออกฤทธิ์ เพิ่มความเสถียรของสารสำคัญ ไม่ให้ถูกทำลายโดยออกซิเจน อีกทั้งเป็นสูตรตำรับที่พัฒนาจากสมุนไพรที่มีงานวิจัยรองรับในการยับยั้งเชื้อไวรัสโดยเฉพาะ โดยการใช้องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีกระบวนการสกัดสมัยใหม่ และเทคโนโลยีห่อหุ้มสารสำคัญ

ซึ่งนวัตกรรมสมุนไพรต้านโควิด-19 มีส่วนประกอบของสารสกัดพลูคาว ขมิ้น กระชายขาว ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส สารสกัดเบต้ากลูแคนจากยีสต์ และสารสกัดเห็ดหลินจือและถั่งเช่า ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และสารสกัดขมิ้น กระชายขาว ยังช่วยยับยั้งการเกิดพายุไซโตไคน์ที่เป็นสาเหตุสำคัญนำไปสู่ภาวะการหายใจล้มเหลวอีกด้วย โดยงานวิจัยดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นเพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์ (translational research) นอกจากใช้สำหรับโรคโควิด-19 แล้ว ทางทีมวิจัยต้องการขยายผลเพื่อใช้กับโรคหวัดอีกด้วย

Latest articles

MALEE เปิด 5 กลยุทธ์ ปั้นวิสัยทัศน์ Beyond Fruit to Global Wellbeing แตะหมื่นล้าน ภายใน 3 ปี

MALEE เปิดวิสัยทัศน์ ‘Beyond Fruit to Global Wellbeing’ สร้างสรรค์นวัตกรรมมอบคุณค่าที่เหนือกว่าน้ำผลไม้เพื่อชีวิตที่ Healthier & Happier เดินหน้าทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ ก้าวสู่ ‘Global Wellbeing Company’   

วว. จับมือ วช. ขับเคลื่อนโครงการปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ สร้างมูลค่า ลดมลภาวะฝุ่น PM 2.5

“มลภาวะจากฝุ่น PM 2.5” โดยมากจะเกิดในช่วงฤดูหนาวที่อากาศนิ่งและแห้ง ส่งผลให้ฝุ่นไม่ลอยขึ้นที่สูง  หากมีฝุ่น PM 2.5 ในอากาศปริมาณสูงมาก จะมีลักษณะคล้ายกับมีหมอกควัน โดยฝุ่น PM 2.5 สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และซึมเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้ตัวฝุ่นเองยังเป็นพาหะนำสารมลพิษอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายด้วย เช่น โลหะหนัก สารก่อมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งทุกภาคส่วนในสังคมไทยได้ให้ความสำคัญในการหาแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว

ฟูจิตสึเริ่มเดินหน้าพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมซูเปอร์คอนดักติ้งขนาดกว่า 10,000 คิวบิตอย่างเป็นทางการ

ฟูจิตสึ ประกาศเดินหน้าวิจัยและพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมซูเปอร์คอนดักติ้งขนาดกว่า 10,000 คิวบิต โดยมีแผนแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2573 การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NEDO ซึ่งมุ่งส่งเสริมการนำคอมพิวเตอร์ควอนตัมไปใช้งานเชิงอุตสาหกรรมในอนาคต

สกพอ.จับมือ Osaka City หนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero

สกพอ. จับมือ Osaka City ลงนาม MOU หนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ขับเคลื่อนดึงภาคเอกชนญี่ปุ่นลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียว สู่พื้นที่อีอีซี ดร....

More like this