5 วิธีแก้ง่วง ขับรถทางไกลในช่วงวันหยุดยาว

Published on

ใกล้ถึงช่วงเวลาวันหยุดยาวที่ทุกคนต่างเฝ้ารอเพื่อจะได้ออกเดินทางอีกครั้ง หลังจากสถาการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว การท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมที่หลายคนหมายมั่นเป็นอันดับแรกๆ แต่การขับรถทางไกล ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนา ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ พร้อมร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง อีกทั้งยังต้องพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนขับรถ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอันตรายได้

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำแนะนำประชาชนในการใช้รถใช้ถนนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเข้าพรรษา โดยให้ยึดหลัก 5 วิธีปฏิบัติ และ 5 วิธีแก้ง่วง โดยเตรียมรถและคนให้พร้อม เน้นตรวจเช็คสภาพรถทุกส่วนก่อนออกเดินทาง เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้เป็นวันหยุดชดเชยในวันที่ 4-7 ก.ค. 63 คาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อพบปะญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ซึ่งจะมีการใช้ยานพาหนะจำนวนมาก ส่งผลให้มีแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าช่วงปกติ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิตจำนวนมากตามมา จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงเข้าพรรษาของปีที่ผ่านมา พบว่า ในวันที่ 15 ก.ค. 62 เป็นวันที่ประชาชนเริ่มออกเดินทางเป็นจำนวนมาก ทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 4 พันราย  (3,804 ราย) เสียชีวิต 50 ราย ซึ่งสูงกว่าวันที่ 16-17 ก.ค. 62 โดยในวันที่ 17 ก.ค. 62 มีผู้บาดเจ็บ 2,744 ราย ดังนั้น กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำประชาชนให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมทั้งคนทั้งรถก่อนการเดินทาง โดยเฉพาะการเตรียมตัวสำหรับคนขับถือว่าสำคัญมาก เพราะคนขับนอกจากจะเป็นคนที่ต้องดูแลชีวิตของผู้โดยสารในรถแล้ว ยังต้องเป็นผู้รับชอบต่อเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ ด้วย

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำ 5 วิธีปฏิบัติ ในการขับขี่ให้ปลอดภัยในช่วงเข้าพรรษา ดังนี้

1.ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและไม่รับประทานยาที่ทำให้ง่วง เช่น ยาลดน้ำมูก ยาภูมิแพ้ ยาแก้ไอ เป็นต้น ทั้งก่อนการขับรถและขณะขับรถ

2.พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

3.ตรวจเช็คความพร้อมของยานพาหนะ โดยตรวจเช็คลมยาง ไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว ตรวจระบบเบรก และควรมีเครื่องมือประจำรถและอะไหล่ต่างๆ สำรองติดรถไว้

4.คาดเข็มขัดนิรภัย และสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งขณะขับรถ และขับรถด้วยความระมัดระวัง  ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

5.ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ เพื่อลดความแออัดบนท้องถนน

นอกจากนี้ ยังมีอีก 5 วิธีแก้ง่วงในระหว่างเดินทาง ได้แก่

1.หาเครื่องดื่มช่วยเพิ่มความสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น ที่สามารถเพิ่มความสดชื่นและทำให้ตื่นตัวได้เป็นอย่างดี

2.หาของทานเล่นระหว่างขับรถ เช่น มันฝรั่ง ลูกอม หมากฝรั่ง นอกจากจะคลายหิวแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายตื่นตัวอีกด้วย

3.สร้างความสดชื่นด้วยการลดอุณหภูมิ ปรับความเย็นแอร์ลงหรือเร่งพัดลมแรงขึ้น หันเข้าหาตัว หรือลดกระจกลงเพื่อรับอากาศจากภายนอกบ้าง และควรเตรียมผ้าชุบน้ำไว้เช็ดหน้าด้วย

4.เปิดเพลงฟัง จะช่วยสร้างความครื้นเครงและทำให้ตื่นตัวขณะขับรถ

5.ขยับร่างกายเปลี่ยนแปลงอิริยาบถ เพราะการขับรถนานๆ จะทำให้มีอาการง่วง การได้ขยับร่างกายจะช่วยลดการเมื่อยล้าได้

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ขณะเดินทางขอให้ประชาชนดำเนินตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล เพื่อลดความเสี่ยงการในการติดเชื้อโรคดังกล่าว  และขออวยพรให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ไร้อุบัติเหตุ มีสติในการขับรถ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งตลอดการใช้รถ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

 

Latest articles

เชลล์ครองแชมป์อันดับ 1 ผู้จำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 19

ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์ยังครองตำแหน่งแชมป์อันดับ 1 ผู้จำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูประดับโลกเป็นปีที่ 19 ติดต่อกัน จากรายงานฉบับที่ 23 ของ Kline & Company เรื่อง Global Lubricants:...

ภัยเงียบ! ปอดอักเสบติดท็อป 3 คร่าชีวิตคนไทย

เนื่องในวันปอดอักเสบสากล ภายใต้แคมเปญ “เด็กไทยต้องปลอดภัย จากโรคร้ายที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน” พร้อมเดินหน้าผลักดันการใช้วัคซีน PCV ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการและประเมินความเหมาะสม เพื่อลดผลกระทบจากการป่วยหนัก และทุพพลภาพถาวรจากการติดเชื้อนิวโมคอคคัสในเด็กเล็ก

เปิดฉาก TMOX, OGET และ Powerex Asia 2025 โชว์ศักยภาพเมืองไทยยุคเปลี่ยนผ่านพลังงาน

เปิดฉาก 3 งานใหญ่ด้านพลังงาน–ออฟชอร์–ไฟฟ้า หนุนไทยสู่ศูนย์กลางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอาเซียน เชื่อมโยงน้ำมันและก๊าซ การเดินเรือและออฟชอร์ และพลังงานไฟฟ้าไว้ภายใต้หลังคาเดียวกัน พร้อมจับกระแสอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านแบบเต็มรูปแบบ

ส่องพื้นที่กิจกรรมกลางกรุง พื้นที่ไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

เพราะปัจจุบันกรุงเทพฯ คือเมืองที่กำลังปรับตัวจาก “พื้นที่ปิด” สู่ “พื้นที่เปิด” ที่ต้องการให้ผู้คนมีพื้นที่พักผ่อนและทำกิจกรรมต่าง ๆ และนี่คือเหตุผลที่พื้นที่กิจกรรมกลางกรุงกำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเมืองยุคใหม่

More like this