เปิดข้อมูลพื้นที่เสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ 600 จุดกทม.และปริมณฑล

Published on

ประชาชนและองค์กรภาคีเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิงประสานความร่วมมือปักหมุดจุดเผือกพื้นที่เสี่ยงต่อการคุกทามทางเพศมากกว่า 600 หมุด พร้อมเปิดข้อมูลพื้นที่ที่มีความร่วมมือปักหมุดจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ

ภาคีเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิงจัดงานแถลงข่าวเปิดข้อมูลพื้นที่เสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ 600 จุดในเขตกรุงเทพและปริมณฑลจากโครงการ First Pin “ปักหมุดจุดเผือก” พร้อมการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญของเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคีเครือข่ายในการสร้างเมืองที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยภายในงานได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ เปิดดาต้าปักหมุดจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ 600 จุด รอบกทม.และปริมณฑล สู่การแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม

ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้แทนเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิงกล่าวว่า โครงการปักหมุดจุดเผือกเราทำงานรณรงค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนในสังคมตระหนักถึงปัญหาความไม่ปลอดภัยทางเพศที่เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะ และมาร่วมกันสอดส่องดูแลเพื่อสร้างพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ซึ่งในการทำงานรอบนี้ นอกเหนือจากองค์กรด้านผู้หญิงและการพัฒนาสังคมซึ่งร่วมงานกันมาแต่แรก อย่างองค์การแอ็คชั่นเอด แผนงานสุขภาวะผู้หญิงฯ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และเครือข่ายสลัมสี่ภาค แล้ว

ยังขยายความร่วมมือกับภาคีใหม่ ๆ ที่ทำงานหลากหลายด้าน อย่าง Big Trees ที่ทำเรื่องสิ่งแวดล้อม บริษัท ฉมา โซเอ็น ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องภูมิสถาปัตย์และการพัฒนาพื้นที่สาธารณะ และ Urban Creatures ที่ทำงานสื่อสารประเด็นคุณภาพชีวิตในเมือง มาร่วมออกแบบและดำเนินงานด้วยกัน ทำให้โครงการรณรงค์นี้เข้าถึงกลุ่มประชากรที่หลากหลายมากขึ้น

ผู้แทนเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิงกล่าวว่า เมื่อเราเริ่มดำเนินการไปได้ระยะหนึ่ง เราก็ได้รับการติดต่อจาก NECTEC ที่เสนอให้เราลองใช้แอพพลิเคชั่น Traffy Fondue ที่ NECTEC ได้พัฒนาขึ้นสำหรับใช้แจ้งเหตุต่าง ๆ นำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมที่เราเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมกันสำรวจพื้นที่สาธารณะและแจ้งจุดเสี่ยงภัยคุกคามทางเพศ ซึ่งแอพพลิเคชั่นดังกล่าวก็ตอบโจทย์ของเราที่ต้องการช่องทางการสื่อสารแจ้งจุดเสี่ยงที่สะดวกรวดเร็ว

สำหรับทั้งผู้แจ้งและผู้รับข้อมูล เมื่อได้แอพพลิเคชั่นช่องทางแจ้งข้อมูลที่เหมาะสมแล้ว เราจึงเริ่มรณรงค์เต็มรูปแบบให้ประชาชนทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ไหน ถ้าพบเห็นพื้นที่สาธารณะหรือเส้นทางสัญจรไปมาจุดใดที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดการคุกคามทางเพศ เช่น เป็นเส้นทางสัญจรที่ไม่มีไฟส่องสว่างเวลากลางคืน หรือเป็นพื้นที่เปลี่ยว เป็นมุมอับ ขาดการดูแล ทำให้ผู้ผ่านไปมารู้สึกไม่ปลอดภัย ก็ให้แจ้งข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นเข้ามา และทีมของเราจะรวบรวมและประมวลผลข้อมูลเพื่อสรุปลักษณะปัญหาความเสี่ยงต่าง ๆ แล้วนำเสนอต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ อาทิ ตำรวจท้องที่ และกรุงเทพมหานคร ให้หาทางปรับปรุงหรือดูแลความปลอดภัยให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

ดร.วราภรณ์ยังกล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่เราเริ่มโครงการปักหมุดจุดเผือกตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือน จากเป้าที่เราตั้งไว้ 600 หมุดตอนนี้มีประชาชนปักหมุดเข้ามากมากกว่า 600 หมุดทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเราได้รวบรวมและประมวลผลข้อมูลพื้นที่ที่ภาคีเครือข่ายและประชาชนได้ร่วมกันปักหมุดจุดเผือกเข้ามาอาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต  สะพานเขียว ซอยร่วมฤดี ซอยโปโล  เป็นต้น

ทั้งนี้ลักษณะพื้นที่ที่มีคนปักหมุดจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศมากที่สุดคือทางเดินและซอย 39 เปอร์เซ็นต์ สะพาน 16 เปอร์เซ็นต์ ริมถนน 15 เปอร์เซ็นต์ ใต้ตึก 13 เปอร์เซ็นต์ อาคารร้าง 7 เปอร์เซ็นต์ ทางเดินริมคลอง 7 เปอร์เซ็นต์ สะพานลอย 3 เปอร์เซ็นต์ สวนสาธารณะ 1 เปอร์เซ็นต์ ทางจักรยาน 1 เปอร์เซ็นต์ และนอกจากนี้แล้วเราได้ประมวลผลพบ 7 อันดับจุดเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศมากที่สุดดังนี้ 1. จุดที่ขาดการบำรุงรักษา 23 เปอร์เซ็นต์ ไฟสว่างไม่เพียงพอ 23 เปอร์เซ็นต์ จุดอับสายตา 15 เปอร์เซ็นต์ ทางเปลี่ยว 14 เปอร์เซ็นต์ ทางแคบทางตัน 13 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีป้ายบอกทาง 9 เปอร์เซ็นต์ ไกลจากป้ายรถเมล์ วิน สถานี 3 เปอร์เซ็นต์

ผู้แทนเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิงกล่าวว่า จากการรณรงค์ที่สะพานเขียว เราได้รับความร่วมมือจากผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีรับข้อมูลจุดเสี่ยงไปพิจารณา โดยทาง สน. รับปากจะเพิ่มความถี่ในการออกตรวจตราพื้นที่เสี่ยง และจะเพิ่มการทำงานเสริมศักยภาพของอาสาสมัครตำรวจบ้านในชุมชนรอบ ๆ ให้สามารถตรวจตราเฝ้าระวังดูแลพื้นที่ และประสานงานแจ้งเหตุกับตำรวจท้องที่ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในระยะยาว เราคาดหวังว่าหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ จะใส่ใจกับปัญหาความไม่ปลอดภัยทางเพศ และมีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหาอย่างจริงจังมากขึ้น และควรมีช่องทางการสื่อสารแบบถาวรที่ประชาชนจะสามารถช่วยกันแจ้งข้อมูลจุดที่มีความเสี่ยงหรือมีอันตรายต่าง ๆ เพื่อให้หน่วยงานเข้ามาดูแลป้องกันโดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน

“สำหรับเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เราประเมินว่าแม้ขณะนี้สังคมจะมีความตระหนักถึงปัญหาการคุกคามทางเพศในพื้นที่สาธารณะมากขึ้น แต่การรับรู้เรื่องนี้ก็ยังไม่ทั่วถึง และเรายังได้ยินว่ามีเหตุการณ์การคุกคามทางเพศเกิดขึ้นที่นั่นที่นี่อยู่เรื่อย ๆ ดังนั้น หลังจากกิจกรรมในวันนี้แล้ว สมาชิกเครือข่ายฯ จะร่วมกันประเมินสถานการณ์และผลการทำงานที่ผ่านมา แล้วจะวางแผนการทำงานเพื่อลดปัญหาการคุกคามทางเพศให้ได้ผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น”ดร.วราภรณ์ระบุ

ด้านนายยศพล บุญสม ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้ง Shma Company Limited กล่าวว่า การที่ภายในระยะเวลา 2 เดือน ทีมเผือกมีการปักหมุดจุดเสี่ยงไปกว่า 600 จุดนั้น เริ่มเห็นถึงการขยับของภาคประชาชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยง ผ่านแอปพลิเคชั่น ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญเพราะประชาชนเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐเพียงอย่างเดียว เพราะหากอาศัยเพียงหน่วยงานรัฐการแก้ไขปัญหาก็จะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ดังนั้นการมีส่วนร่วมครั้งนี้จึงเป็นพลังที่ดีในการแก้ไขปัญหา

กระบวนการในการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงมีด้วยกัน 2 มิติ คือ ทางกายภาพ และ ทางสังคม ที่จะคู่ขนานกันไป โดยทางกายภาพ คือลดความเสี่ยง เช่น ติดไฟส่อง ติดกล้องวงจรปิด หรือ เพิ่มการตรวจตรา แต่ในมิติของสังคมจะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ซึ่งมิติทางสังคมคือกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยรอบ ในการร่วมกันออกแบบกับชุมชน ว่าต้องการอะไร มีความเห็นอย่างไร เพื่อสร้างความรู้สึกการเป็นเจ้าของร่วม

โดยต้นแบบการปรับปรุงพื้นที่บริเวณสะพานเขียว ที่ก่อนหน้านี้ทีมเผือกได้ลงพื้นที่ไปปักหมุดจุดเสี่ยง ว่า การแก้ไขปัญหาสะพานเขียว ซึ่งเป็นทางลอยฟ้าที่มีระยะทางยาว พื้นที่จัดกิจกรรมมีจำกัด ไม่กระตุ้นให้คนมาใช้ทาง ซึ่งเมื่อไม่มีคนใช้เส้นทางนี้กลายเป็นเส้นทางที่อันตราย ไม่น่าไว้วางใจ ดังนั้นจะต้องดึงดูดให้คนมาใช้พื้นที่ตรงนี้มากขึ้น เช่น การเพิ่มทางขึ้นลงจากชุมชนให้มากกว่าเดิม เพิ่มกิจกรรมระหว่างเส้นทาง เช่น ลานกีฬา สนามเด็กเล่น หรือ สวนสมุนไพร เพื่อเชิญชวนให้คนหลากหลายกลุ่มมาใช้งาน

“สร้างความเป็นเจ้าของด้วยการยึดโยงกับความต้องการของชุมชน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะแม้จะสร้างอย่างสวยงาม แต่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน ก็จะกลายเป็นเส้นทางที่ไม่มีคนใช้เหมือนเดิม ทั้งนี้ภาครัฐอาจให้ความสำคัญเชิงกายภาพ ว่าต้องติดกล้องวงจรปิด เพิ่มไฟ เพื่อแก้ปัญหา ทำให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่ไม่มีความเสี่ยง แต่มิติทางสังคมจะเป็นกลไกในการป้องกันระยะยาว นอกจากความปลอดภัยแล้ว สามารถมองในเรื่องของการส่งเสริมคุณภาพชีวิต เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้ชุมชนเพื่อเพิ่มให้การมีส่วนร่วมตรงนี้ขับเคลื่อนได้มากขึ้น” นายยศพล กล่าว

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this